ข้อตกลงของตัวแทนจำหน่าย Google Domain

แก้ไขล่าสุด: 25 กรกฎาคม 2023

  • ข้อตกลงของตัวแทนจำหน่ายโดเมนนี้ ("ข้อตกลง") จัดทำขึ้นระหว่างคุณ และนิติบุคคลหรือบุคคลที่ยินยอมตามข้อตกลงนี้ ("ลูกค้า" หรือ "คุณ") และ Google "Google" มีความหมายตามที่ระบุไว้ที่ https://cloud.google.com/terms/google-entity การอ้างอิงถึง "เรา" "พวกเรา" หรือ "ของเรา" ในข้อตกลงนี้จะหมายถึง Google ข้อตกลงฉบับนี้จะมีผลควบคุมการจำหน่ายบริการจดทะเบียนชื่อโดเมนของ Google ("บริการโดเมน") ซึ่งให้บริการโดยผู้รับจดทะเบียนบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้องตามที่ระบุไว้เมื่อซื้อหรือต่ออายุ ("ผู้รับจดทะเบียน")

    • 1. บริการโดเมน

      • 1.1 ตัวแทนจำหน่ายบริการโดเมน ข้อตกลงนี้จะระบุข้อกำหนดสำหรับ Google ในการจำหน่ายการเข้าถึงบริการโดเมนในฐานะตัวแทนจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตของผู้รับจดทะเบียน ในฐานะตัวแทนจำหน่าย Google ไม่ได้ดำเนินการในฐานะผู้รับจดทะเบียนสำหรับชื่อโดเมน แต่อาจปฏิบัติหน้าที่หรือให้บริการบางอย่างในนามของผู้รับจดทะเบียน

      • 1.2 ข้อกำหนดของผู้รับจดทะเบียน บริการโดเมนจะให้บริการโดยผู้รับจดทะเบียน การเข้าถึงและการใช้บริการโดเมนทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับและอยู่ในบังคับของข้อกำหนดและเงื่อนไขของผู้รับจดทะเบียนที่เกี่ยวข้อง ลูกค้าต้องปฏิบัติตามและยอมรับที่จะมีข้อผูกพันตามข้อกำหนดและเงื่อนไขเหล่านั้น Google ไม่ใช่คู่สัญญาในข้อตกลงของคุณกับผู้รับจดทะเบียน และจะไม่มีความรับผิดสำหรับการปฏิบัติงานของผู้รับจดทะเบียน

      • 1.3 นโยบายความเป็นส่วนตัวของผู้รับจดทะเบียน ลูกค้ารับทราบว่า Google จะให้ข้อมูลชื่อและรายละเอียดรายชื่อติดต่อของลูกค้าแก่ผู้รับจดทะเบียน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการจดทะเบียนชื่อโดเมน การประมวลผลข้อมูลดังกล่าวของผู้รับจดทะเบียนจะขึ้นอยู่กับนโยบายความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้อง

    • 2. การชำระเงิน

      • 2.1 การเรียกเก็บเงินและการชำระเงิน เมื่อคุณดำเนินการซื้อเสร็จสมบูรณ์ คุณจะมีสัญญาผูกมัดในการซื้อบริการโดเมนสำหรับช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินรายปี ซึ่งรวมถึงภาษีทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง คุณสามารถชำระค่าบริการโดเมนโดยใช้บัตรเครดิต บัตรเดบิต หรือด้วยวิธีอื่นๆ ตามที่ระบุให้ในหน้าคำสั่งซื้อ การชำระเงินทั้งหมดจะชำระเป็นดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เว้นแต่ว่าระบุไว้เป็นอย่างอื่นในหน้าคำสั่งซื้อ หากคุณไม่ได้ยกเลิกการต่ออายุตามที่อธิบายไว้ในส่วนที่ 2.3 (การยกเลิกการต่ออายุ) เมื่อสิ้นสุดช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินรายปีแล้ว การซื้อบริการโดเมนของคุณจะต่ออายุโดยอัตโนมัติสำหรับช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินรายปีเพิ่มเติม และ Google จะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมปัจจุบันสำหรับการต่ออายุในขณะนั้นจากคุณ เมื่อครบกำหนดการชำระเงิน การชำระเงินทั้งหมดถือเป็นที่สุด และ Google จะไม่มีการคืนเงินใดๆ

      • 2.2 การเปลี่ยนแปลงราคา Google ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยน (เช่น เพิ่มหรือลด) ค่าบริการสำหรับบริการโดเมนเป็นครั้งคราว การเปลี่ยนแปลงค่าธรรมเนียมจะมีผลเฉพาะกับการชำระเงินครั้งถัดไปที่ถึงกำหนดชำระหลังจากที่เราแจ้งให้คุณทราบอย่างสมเหตุสมผล

      • 2.3 การยกเลิกการต่ออายุ คุณต้องยกเลิกก่อนสิ้นสุดช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินอย่างน้อย 5 วันทำการเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีการเรียกเก็บเงินสำหรับการต่ออายุครั้งถัดไป คุณสามารถยกเลิกได้ผ่านทางคอนโซลผู้ดูแลระบบ หากคุณยกเลิก คุณจะไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินคืนสำหรับค่าธรรมเนียมที่ชำระไปแล้ว แต่คุณจะยังคงได้รับสิทธิ์เข้าถึงบริการโดเมนต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินปัจจุบันของคุณ โดยเป็นไปตามข้อตกลงฉบับนี้และข้อตกลงของผู้รับจดทะเบียนที่เกี่ยวข้อง

    • 3. ข้อมูลที่เป็นความลับ

      • 3.1 คำนิยาม

        • 3.1.1. "ข้อมูลที่เป็นความลับ" หมายถึงข้อมูลที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง (หรือบริษัทในเครือ) เปิดเผยให้กับบุคคลอื่นภายใต้ข้อตกลงนี้ และมีการกำกับไว้ว่าเป็นความลับ หรือโดยปกติถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับภายใต้สถานการณ์นั้นๆ ข้อมูลที่เป็นความลับไม่รวมถึงข้อมูลที่ผู้รับพัฒนาขึ้นโดยอิสระ ที่บุคคลที่สามมอบให้แก่ผู้รับอย่างถูกต้องโดยปราศจากภาระหน้าที่ในการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับ หรือที่กลายเป็นข้อมูลสาธารณะโดยไม่ใช่ความผิดของผู้รับ

        • 3.1.2. "กระบวนการทางกฎหมาย" หมายถึงคำขอให้เปิดเผยข้อมูลที่จัดทำขึ้นตามกฎหมาย กฎระเบียบของรัฐบาล คำสั่งศาล หมายเรียก หมายอาญา อำนาจตามกฎหมายอื่นๆ การดำเนินการทางกฎหมาย หรือกระบวนการที่คล้ายกันที่มีผลบังคับใช้

      • 3.2 ภาระหน้าที่ ผู้รับต้องใช้ข้อมูลที่เป็นความลับของฝ่ายที่เปิดเผยเพื่อใช้สิทธิของผู้รับและปฏิบัติตามภาระหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงเท่านั้น และต้องใช้ความระมัดระวังตามสมควรในการป้องกันการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของฝ่ายที่เปิดเผย ผู้รับอาจเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับได้เฉพาะต่อบริษัทในเครือ พนักงาน ตัวแทน หรือที่ปรึกษามืออาชีพ ("ผู้รับมอบอำนาจ") ที่จำเป็นต้องทราบข้อมูลดังกล่าวและได้ลงนามตกลงไว้เป็นลายลักษณ์อักษร (หรือมีข้อผูกพัน ในกรณีของที่ปรึกษามืออาชีพ) ว่าจะรักษาข้อมูลนั้นให้เป็นความลับ ผู้รับต้องตรวจสอบว่าผู้รับมอบอำนาจใช้ข้อมูลที่เป็นความลับเพื่อใช้สิทธิและปฏิบัติตามภาระหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงนี้เท่านั้น

      • 3.3 การเปิดเผยที่จำเป็น แม้ว่าจะมีข้อบัญญัติที่ขัดแย้งใดๆ ในข้อตกลงนี้ ผู้รับอาจเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับในขอบเขตที่กระบวนการทางกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ได้อีกเช่นกัน โดยมีเงื่อนไขว่าผู้รับต้องใช้มาตรการที่สมเหตุสมผลในเชิงพาณิชย์เพื่อ (ก) แจ้งคู่สัญญาอีกฝ่ายทันทีก่อนเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับดังกล่าว และ (ข) ปฏิบัติตามคำขอที่สมเหตุสมผลของคู่สัญญาอีกฝ่ายเกี่ยวกับมาตรการคัดค้านการเปิดเผย โดยไม่คำนึงถึงที่กล่าวมา ส่วนย่อย (ก) และ (ข) ข้างต้นจะไม่มีผลบังคับใช้หากผู้รับพิจารณาว่าการปฏิบัติตาม (ก) และ (ข) อาจ (1) นำไปสู่การละเมิดกระบวนการทางกฎหมาย (2) ขัดขวางการตรวจสอบโดยหน่วยงานภาครัฐ หรือ (3) ส่งผลให้บุคคลใดเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส

    • 4. ข้อจำกัดความรับผิด ตามขอบเขตที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาตไว้ การปฏิบัติของ Google ที่เกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้จะเป็นไป "ตามสภาพที่เป็นอยู่" โดยไม่มีการรับประกันโดยชัดแจ้งหรือโดยนัย ซึ่งรวมถึงการรับประกันโดยนัยด้านคุณค่าความเป็นสินค้า ความเหมาะสมสำหรับวัตถุประสงค์เฉพาะ และการไม่ละเมิด ตัวอย่างเช่น Google ไม่ได้ให้การรับประกันใดๆ เกี่ยวกับเนื้อหาหรือฟีเจอร์ของการปฏิบัติหรือบริการโดเมนของผู้รับจดทะเบียน ซึ่งรวมถึงความแม่นยำ ความน่าเชื่อถือ ความพร้อมใช้งาน หรือความสามารถในการตอบสนองความต้องการของคุณ

    • 5. การชดใช้ค่าเสียหายคุณจะปกป้อง ชดใช้ค่าเสียหาย และให้ความคุ้มครอง Google และผู้รับเหมาช่วงของ Google รวมถึงผู้อำนวยการ เจ้าหน้าที่ พนักงาน ตัวแทน และบริษัทในเครือของผู้รับเหมาช่วงและที่เกี่ยวข้องจากและสำหรับการกล่าวอ้าง ความเสียหาย ความรับผิด ต้นทุน และค่าใช้จ่ายทั้งหมด (รวมถึงค่าธรรมเนียมสำหรับบริการด้านกฎหมายและค่าใช้จ่ายที่สมเหตุสมผล) ที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับ

      • • การจดทะเบียนชื่อโดเมนและการใช้บริการโดเมนของคุณ

      • • การที่คุณละเมิดสิทธิใดๆ ของบุคคลที่สาม รวมถึงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา

    • 6. ข้อจำกัดความรับผิด

      • 6.1 ข้อจำกัดความรับผิดโดยอ้อม Google และบริษัทในเครือและซัพพลายเออร์จะไม่รับผิดภายใต้ข้อตกลงนี้สำหรับการสูญเสียรายได้หรือข้อมูล ความสูญเสียทางการเงินหรือความเสียหายใดๆ ทั้งในลักษณะโดยอ้อม เกิดขึ้นเป็นกรณีพิเศษ ที่เกิดขึ้นเอง เป็นผลของเหตุการณ์อื่น เป็นข้อยกเว้น หรือความเสียหายที่เป็นบทลงโทษ แม้ว่าเราจะทราบหรือควรทราบอยู่แล้วว่าความเสียหายอาจเกิดขึ้น และแม้ว่าความเสียหายโดยตรงจะสูงกว่าค่าชดเชย

      • 6.2 ข้อจำกัดเกี่ยวกับจำนวนเงินสำหรับความรับผิด ความรับผิดโดยรวมของ Google และบริษัทในเครือและซัพพลายเออร์ สำหรับการกล่าวอ้างใดๆ ภายใต้ข้อตกลงนี้จำกัดไว้ที่ (1) จำนวนเงินที่คุณจ่ายโดยเกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้ในช่วง 12 เดือนก่อนเกิดเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความรับผิดหรือ (2) US$5,000

      • 6.3 ข้อยกเว้นของข้อจำกัด ข้อจำกัดความรับผิดเหล่านี้ไม่มีผลกับการละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของ Google หรือบริษัทในเครือ ภาระหน้าที่ในการชดใช้ค่าเสียหาย หรือภาระหน้าที่ในการชำระเงินของคุณ

    • 7. ทั่วไป

      • 7.1 การแจ้งให้ทราบ เพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินคดี คู่สัญญาทั้งสองจะถูกขอให้แต่ไม่จำเป็นต้องส่งการแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรในภาษาอังกฤษถึงฝ่ายกฎหมายและผู้ติดต่อหลักของอีกฝ่ายหนึ่ง อีเมลสำหรับส่งการแจ้งต่างๆ ไปยังฝ่ายกฎหมายของ Google คือ legal-notices@google.com

      • 7.2 การให้สิทธิ คุณจะต้องได้รับความยินยอมเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Google ก่อนว่าจะมอบสิทธิส่วนใดส่วนหนึ่งของข้อตกลงนี้ ความพยายามอื่นใดในการให้สิทธิจะถือว่าเป็นโมฆะ

      • 7.3 สิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม คู่สัญญาไม่มีความรับผิดสำหรับความล้มเหลวหรือความล่าช้าในการปฏิบัติงานในขอบเขตที่สถานการณ์บังคับให้อยู่นอกเหนือการควบคุมอย่างสมเหตุสมผล

      • 7.4 ไม่มีการสละสิทธิ์ จะไม่มีการถือว่าคู่สัญญาได้สละสิทธิ์ใดๆ โดยการไม่ใช้ (หรือการเลื่อนเวลาในการใช้) สิทธิใดๆ ภายใต้ข้อตกลงนี้

      • 7.5 ไม่มีตัวแทน ข้อตกลงนี้ไม่มีการสร้างตัวแทน พาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ หรือกิจการร่วมค้าใดๆ ระหว่างคู่สัญญา

      • 7.6 อีเมล คู่สัญญาสามารถใช้อีเมลแทนการอนุมัติหรือความยินยอมที่เป็นลายลักษณ์อักษรตามข้อกำหนดภายใต้ข้อตกลงนี้ได้

      • 7.7 การเหมาช่วง Google สามารถเหมาช่วงภาระหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงนี้ได้ แต่จะยังมีความรับผิดแก่ลูกค้าจากภาระหน้าที่ใดๆ ที่เหมาช่วง

      • 7.8 ผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นบุคคลที่สาม ข้อตกลงนี้ไม่ได้มอบผลประโยชน์ใดๆ แก่บุคคลที่สาม เว้นแต่ว่าข้อตกลงจะระบุไว้เช่นนั้นอย่างชัดเจน

      • 7.9 การแยกออกจากกันได้ หากเงื่อนไขใดๆ (หรือส่วนของเงื่อนไข) ของข้อตกลงนี้ไม่ถูกต้อง ผิดกฎหมาย หรือไม่สามารถบังคับใช้ได้ ข้อตกลงส่วนที่เหลือจะยังบังคับใช้ต่อไป

      • 7.10 กฎหมายที่ควบคุมของสหรัฐอเมริกา ข้อมูลต่อไปนี้มีผลกับการโต้แย้งระหว่างคู่สัญญา โดยขึ้นอยู่กับส่วนที่ 7.15 (ข้อกำหนดเฉพาะภูมิภาค)

        • (ก) สำหรับหน่วยงานรัฐระดับเมือง เคาน์ตี และรัฐของสหรัฐอเมริกา หากลูกค้าเป็นหน่วยงานรัฐระดับเมือง เคาน์ตี หรือรัฐของสหรัฐอเมริกา ข้อตกลงนี้จะไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ เกี่ยวกับกฎหมายและสถานที่ที่ควบคุม

        • (ข) สำหรับหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา หากลูกค้าเป็นหน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐอเมริกา เงื่อนไขที่จะบังคับใช้คือ การอ้างสิทธิ์ทั้งหมดที่เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้หรือการปฏิบัติของ Google จะอยู่ในบังคับของกฎหมายของสหรัฐอเมริกา ยกเว้นกฎการขัดกันแห่งกฎหมายของสหรัฐอเมริกา เฉพาะในขอบเขตที่กฎหมายของรัฐบาลกำหนด (1) กฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย (ยกเว้นกฎการขัดกันแห่งกฎหมายของแคลิฟอร์เนีย) จะบังคับใช้ในกรณีที่ไม่มีกฎหมายของรัฐบาลที่เกี่ยวข้อง และ (2) สำหรับการอ้างสิทธิ์ทั้งหมดที่เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้หรือการปฏิบัติของ Google คู่สัญญายินยอมต่อเขตอำนาจศาลเหนือบุคคลและสถานที่พิจารณาเฉพาะโดยศาลในซานตาคลาราเคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย

        • (ค) สำหรับหน่วยงานอื่นทั้งหมด หากลูกค้าเป็นองค์กรที่ไม่ได้ระบุไว้ในส่วนที่ 7.10(ก) (กฎหมายที่ควบคุมของสหรัฐอเมริกาสำหรับหน่วยงานรัฐระดับเมือง เคาน์ตี และรัฐของสหรัฐอเมริกา) หรือ (ข) (กฎหมายที่ควบคุมของสหรัฐอเมริกาสำหรับหน่วยงานรัฐบาล) เงื่อนไขที่จะบังคับใช้คือ การอ้างสิทธิ์ทั้งหมดที่เกิดจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้หรือการปฏิบัติของ Google จะอยู่ในบังคับของกฎหมายแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย ยกเว้นกฎการขัดกันแห่งกฎหมายของรัฐนั้น และจะมีการดำเนินคดีเป็นการเฉพาะในศาลของสหพันธรัฐหรือศาลยุติธรรมแห่งซานตาคลาราเคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ที่คู่สัญญายินยอมต่อเขตอำนาจศาลเหนือบุคคลในศาลเหล่านั้น

      • 7.11 ภาษาที่ขัดแย้งกัน หากมีการแปลข้อตกลงนี้เป็นภาษาอื่นนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ และข้อความภาษาอังกฤษและข้อความที่แปลเป็นภาษาอื่นนั้นแตกต่างกัน ข้อความภาษาอังกฤษจะมีผลบังคับใช้ เว้นแต่ว่าจะระบุไว้เป็นอย่างอื่นอย่างชัดเจนในข้อความที่แปล

      • 7.12 การเยียวยา ไม่มีส่วนใดในข้อตกลงนี้ที่จะจำกัดสิทธิของคู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งในการพยายามได้มาซึ่งการเยียวยา

      • 7.13 การเปลี่ยนแปลง Google สามารถเปลี่ยนแปลงข้อกำหนดของข้อตกลงนี้ได้เป็นครั้งคราว และต้องโพสต์แจ้งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวที่ https://workspace.google.com/terms/domain_reseller_agreement.html การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะมีผลเมื่อเริ่มต้นช่วงเวลาที่เรียกเก็บเงินถัดไปของลูกค้าเท่านั้น ซึ่งการต่ออายุของลูกค้าในตอนนั้นจะถือเป็นการยอมรับการเปลี่ยนแปลง ยกเว้นตามที่ระบุไว้ในส่วนนี้ การแก้ไขเพิ่มเติมในข้อตกลงนี้ต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร ลงนามโดยคู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่าย และระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นการแก้ไขข้อตกลงนี้

      • 7.14 ข้อตกลงฉบับสมบูรณ์ ข้อตกลงนี้มีผลแทนข้อตกลงอื่นๆ ทั้งหมดระหว่างฝ่ายคู่สัญญาที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนั้นๆ ในการทำข้อตกลงนี้ คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายไม่ได้พึ่งพาและจะไม่มีการชดเชยสิทธิ์ใดๆ ตามคำแถลง การรับรอง หรือการรับประกันใดๆ (ไม่ว่าจะกระทำโดยความประมาทหรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์) เว้นแต่ได้มีการระบุไว้อย่างชัดแจ้งในข้อตกลงนี้

      • 7.15 ข้อกำหนดเฉพาะภูมิภาค ลูกค้ายอมรับการเปลี่ยนแปลงต่อไปนี้ในข้อตกลงนี้ หากที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงินของลูกค้าอยู่ในภูมิภาคที่เกี่ยวข้องตามที่อธิบายไว้ด้านล่างนี้

        • เอเชียแปซิฟิก (ทุกภูมิภาคยกเว้นออสเตรเลีย ญี่ปุ่น อินเดีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์) และลาตินอเมริกา

          • ส่วนที่ 7.10 (กฎหมายที่ควบคุมของสหรัฐอเมริกา) จะเปลี่ยนไปดังนี้

          • 7.10 กฎหมายที่ควบคุมและการชี้ขาด

          • (ก) การกล่าวอ้างทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้ หรือผลิตภัณฑ์หรือบริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องของ Google (รวมถึงการโต้แย้งใดๆ เรื่องการตีความหรือการปฏิบัติตามข้อตกลงนี้) ("การโต้แย้ง") จะอยู่ในบังคับของกฎหมายแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ยกเว้นการขัดกันแห่งกฎหมายแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย

          • (ข) คู่สัญญาต้องพยายามไกล่เกลี่ยการโต้แย้งโดยมีเจตนาดีภายใน 30 วันหลังจากที่เกิดการโต้แย้งดังกล่าวขึ้น หากการโต้แย้งนั้นไม่ได้รับการคลี่คลายภายใน 30 วัน การโต้แย้งดังกล่าวจะต้องได้รับการแก้ไขให้สิ้นสุดโดยการชี้ขาดของศูนย์ระงับข้อพิพาทระหว่างประเทศ (International Centre for Dispute Resolution) แห่งสมาคมอนุญาโตตุลาการอเมริกา (American Arbitration Association) ตามกฎการค้าเร่งด่วน (Expedited Commercial Rules) ที่บังคับใช้อยู่นับตั้งแต่วันที่มีผลบังคับของข้อตกลงนี้ ("กฎ")

          • (ค) คู่สัญญาต้องเลือกผู้ชี้ขาดร่วมกัน 1 ท่าน การชี้ขาดจะดำเนินการเป็นภาษาอังกฤษในซานตาคลาราเคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา

          • (ง) คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายสามารถยื่นคำร้องขอต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อให้มีคำสั่งศาลที่จำเป็นต่อการคุ้มครองสิทธิของตนในระหว่างที่รอการระงับข้อพิพาทโดยผู้ชี้ขาดได้ อนุญาโตตุลาการอาจมีคำสั่งให้ปฏิบัติซึ่งสอดคล้องกับการชดเชยและข้อจำกัดต่างๆ ในข้อตกลงนี้

          • (จ) คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายสามารถยื่นคำร้องขอให้ศาลที่มีอำนาจออกคำสั่งใดๆ ที่จำเป็นเพื่อคุ้มครองสิทธิหรือทรัพย์สินของฝ่ายนั้น โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดด้านการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับในส่วนย่อย (ช) คำร้องขอนี้จะไม่ถือเป็นการละเมิดหรือการสละสิทธิ์ต่อส่วนกฎหมายที่ควบคุมและการชี้ขาดนี้ และจะไม่ส่งผลต่ออำนาจของผู้ชี้ขาด รวมถึงอำนาจในการตรวจสอบคำตัดสินของศาล คู่สัญญากำหนดว่าศาลแห่งซานตาคลาราเคาน์ตี รัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกามีอำนาจในการออกคำสั่งใดๆ ภายใต้ส่วนย่อยที่ 7.10(จ) นี้

          • (ฉ) คำตัดสินของผู้ชี้ขาดถือเป็นที่สิ้นสุดและมีผลผูกพันกับคู่สัญญา และสามารถดำเนินการในศาลที่มีเขตอำนาจแห่งใดก็ได้ รวมถึงศาลแห่งใดๆ ที่มีเขตอำนาจเหนือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทรัพย์สินใดๆ ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

          • (ช) กระบวนการชี้ขาดใดๆ ที่ดำเนินการตามส่วนที่ 7.10 (กฎหมายที่ควบคุมและการชี้ขาด) นี้จะถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับภายใต้ส่วนที่ 3 (ข้อมูลที่เป็นความลับ) รวมถึง (1) การมีอยู่ของกระบวนการชี้ขาด (2) ข้อมูลใดๆ ที่เปิดเผยระหว่างกระบวนการชี้ขาด และ (3) การสื่อสารทางวาจาหรือเอกสารใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการชี้ขาด นอกเหนือจากสิทธิในการเปิดเผยภายใต้ส่วนที่ 3 (ข้อมูลที่เป็นความลับ) คู่สัญญาสามารถเปิดเผยข้อมูลตามที่อธิบายไว้ในส่วนย่อยที่ 7.10(ช) นี้ต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้ตามที่อาจมีความจำเป็นต่อการยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งใดๆ ภายใต้ส่วนย่อยที่ 7.10(จ) หรือดำเนินการตัดสินชี้ขาดใดๆ แต่คู่สัญญาต้องยื่นคำร้องขอให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีแบบไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน (เป็นส่วนตัว)

          • (ซ) คู่สัญญาต้องชำระค่าธรรมเนียมของผู้ชี้ขาด ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ชี้ขาด และค่าใช้จ่ายในการดูแลของสถาบันการชี้ขาดตามกฎ ในคำตัดสินชี้ขาด ผู้ชี้ขาดจะกำหนดภาระหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ไม่ชนะคดีให้ชดใช้เงินตามจำนวนซึ่งคู่ความฝ่ายชนะคดีได้ชำระล่วงหน้าแล้วสำหรับเป็นค่าธรรมเนียมเหล่านี้

          • (ฌ) คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของทนายความและผู้เชี่ยวชาญของตนเอง ไม่ว่าคำตัดสินชี้ขาดของผู้ชี้ขาดเกี่ยวกับการโต้แย้งจะเป็นเช่นใดก็ตาม

        • เอเชียแปซิฟิก - อินเดีย

          • ส่วนที่ 7.10 (กฎหมายที่ควบคุมของสหรัฐอเมริกา) จะเปลี่ยนไปดังนี้

          • 7.10 กฎหมายที่ควบคุม การกล่าวอ้างทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้จะอยู่ในบังคับของกฎหมายแห่งประเทศอินเดีย หากเกิดการโต้แย้งใดๆ ศาลแห่งนิวเดลีย่อมมีอำนาจในการตัดสิน โดยไม่คำนึงถึงที่กล่าวในข้างต้น ลูกค้ามีสิทธิและสามารถยกการกล่าวอ้างทั้งหมดเกี่ยวกับ Google ภายใต้ข้อตกลงนี้มาใช้กับ Google India Private Limited ได้

        • ยุโรป ตะวันออกกลาง แอฟริกา - กาตาร์ คูเวต จอร์แดน ตูนิเซีย บาห์เรน ปาเลสไตน์ มอริเตเนีย โมร็อกโก เยเมน ลิเบีย เลบานอน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อิสราเอล อียิปต์ แอลจีเรีย และโอมาน

          • ส่วนที่ 7.10 (กฎหมายที่ควบคุมของสหรัฐอเมริกา) จะเปลี่ยนไปดังนี้

          • 7.10 กฎหมายที่ควบคุมและการชี้ขาด

          • (ก) การกล่าวอ้างทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลงนี้ หรือผลิตภัณฑ์หรือบริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องของ Google (รวมถึงการโต้แย้งใดๆ เรื่องการตีความหรือการปฏิบัติตามข้อตกลงนี้) ("การโต้แย้ง") จะอยู่ในบังคับของกฎหมายแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ยกเว้นการขัดกันแห่งกฎหมายแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย

          • (ข) คู่สัญญาต้องพยายามไกล่เกลี่ยการโต้แย้งโดยมีเจตนาดีภายใน 30 วันหลังจากที่เกิดการโต้แย้งดังกล่าวขึ้น หากการโต้แย้งนั้นไม่ได้รับการคลี่คลายภายใน 30 วัน การโต้แย้งดังกล่าวจะต้องได้รับการแก้ไขให้สิ้นสุดภายใต้กฎแห่งการชี้ขาดของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศแห่งลอนดอน (LCIA) ("กฎ") ซึ่งให้ถือว่ากฎเหล่านั้นรวมอยู่ในส่วนนี้ด้วยการอ้างถึง

          • (ค) คู่สัญญาต้องเลือกผู้ชี้ขาดร่วมกัน 1 ท่าน การชี้ขาดจะดำเนินการเป็นภาษาอังกฤษ และสถานที่ดำเนินการชี้ขาดจะต้องอยู่ในศูนย์การเงินนานาชาติดูไบ (DIFC) ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

          • (ง) คู่สัญญาทั้ง 2 ฝ่ายสามารถยื่นคำร้องขอต่อศาลที่มีเขตอำนาจเพื่อให้มีคำสั่งศาลที่จำเป็นต่อการคุ้มครองสิทธิของตนในระหว่างที่รอการระงับข้อพิพาทโดยผู้ชี้ขาดได้ อนุญาโตตุลาการอาจมีคำสั่งให้ปฏิบัติซึ่งสอดคล้องกับการชดเชยและข้อจำกัดต่างๆ ในข้อตกลงนี้

          • (จ) คำตัดสินของผู้ชี้ขาดถือเป็นที่สิ้นสุดและมีผลผูกพันกับคู่สัญญา และสามารถดำเนินการในศาลที่มีเขตอำนาจแห่งใดก็ได้ รวมถึงศาลแห่งใดๆ ที่มีเขตอำนาจเหนือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือทรัพย์สินใดๆ ของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

          • (ฉ) กระบวนการชี้ขาดใดๆ ที่ดำเนินการตามส่วนที่ 7.10 (กฎหมายที่ควบคุมและการชี้ขาด) นี้จะถือว่าเป็นข้อมูลที่เป็นความลับภายใต้ส่วนที่ 3 (ข้อมูลที่เป็นความลับ) รวมถึง (1) การมีอยู่ของกระบวนการชี้ขาด (2) ข้อมูลใดๆ ที่เปิดเผยระหว่างกระบวนการชี้ขาด และ (3) การสื่อสารทางวาจาหรือเอกสารใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการชี้ขาด นอกเหนือจากสิทธิในการเปิดเผยภายใต้ส่วนที่ 3 (ข้อมูลที่เป็นความลับ) คู่สัญญาสามารถเปิดเผยข้อมูลตามที่อธิบายไว้ในส่วนย่อยที่ 7.10(ฉ) นี้ต่อศาลที่มีเขตอำนาจได้ตามที่อาจมีความจำเป็นต่อการตัดสินชี้ขาดใดๆ แต่คู่สัญญาต้องยื่นคำร้องขอให้ดำเนินกระบวนการพิจารณาคดีโดยไม่เปิดเผยต่อสาธารณชน (เป็นส่วนตัว)

          • (ช) คู่สัญญาต้องชำระค่าธรรมเนียมของผู้ชี้ขาด ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยผู้ชี้ขาด และค่าใช้จ่ายในการดูแลของสถาบันการชี้ขาดตามกฎ ในคำตัดสินชี้ขาด ผู้ชี้ขาดจะกำหนดภาระหน้าที่ของคู่ความฝ่ายที่ไม่ชนะคดีให้ชดใช้เงินตามจำนวนซึ่งคู่ความฝ่ายชนะคดีได้ชำระล่วงหน้าแล้วสำหรับเป็นค่าธรรมเนียมเหล่านี้

          • (ซ) คู่สัญญาแต่ละฝ่ายต้องรับผิดชอบค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายของทนายความและผู้เชี่ยวชาญของตนเอง ไม่ว่าคำตัดสินชี้ขาดของผู้ชี้ขาดเกี่ยวกับการโต้แย้งจะเป็นเช่นใดก็ตาม