ข้อกำหนดเฉพาะของบริการ Google Workspace

แก้ไขล่าสุด: 11 มกราคม 2023

หากต้องการดูข้อกำหนดเฉพาะบริการในฉบับแปลเป็นภาษาอื่นๆ โปรดคลิกที่นี่

คำสำคัญที่ไม่ได้กำหนดไว้ในข้อกำหนดเฉพาะเหล่านี้ของบริการสำหรับ Google Workspace (เดิมเรียกว่า G Suite) จะมีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงหลักของกำหนดเวลาบริการ Google Workspace สำหรับ Google Cloud, ข้อตกลง Google Workspace for Education หรือข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งควบคุมการใช้บริการ Google Workspace (ในแต่ละกรณีเรียกว่า "ข้อตกลง")

    1. 1. เขตข้อมูล ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับบริการของ Google Workspace และข้อมูลลูกค้าที่อธิบายไว้ในนิยามของ "ข้อมูลที่ระบุตำแหน่ง" ในข้อ 1.3 (คำนิยาม) ของข้อกำหนดเฉพาะบริการดังต่อไปนี้เท่านั้น

      1. 1.1 พื้นที่เก็บข้อมูลหลัก หากใช้บริการรุ่นที่มีคุณสมบัติอยู่ ลูกค้าอาจใช้คอนโซลผู้ดูแลระบบเพื่อเลือกเขตข้อมูลในการจัดเก็บข้อมูลที่ระบุตำแหน่งซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหว และ Google จะจัดเก็บข้อมูลที่ระบุดังกล่าวตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ ("นโยบายเขตข้อมูลของ Google Workspace")

      2. 1.2 ข้อจำกัด ในกรณีข้อมูลลูกค้าที่นโยบายเขตข้อมูลของ Google Workspace ไม่ครอบคลุม Google อาจจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้ที่ใดก็ได้ที่ Google หรือผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยเป็นผู้ดูแลสถานที่จัดเก็บข้อมูล ซึ่งอยู่ภายใต้ข้อ 10.2 (การโอนในยุโรปที่ถูกจำกัด) ของเอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์ (หากมี)

      3. 1.3 คำนิยาม
        1. "ข้อมูลที่ระบุตำแหน่ง" หมายถึงข้อมูลหลักต่อไปนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลลูกค้าสำหรับบริการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

          1. (ก) Gmail: บรรทัดเรื่องและเนื้อหาของอีเมล ไฟล์แนบ รวมทั้งผู้ส่งและผู้รับข้อความ
          2. (ข) Google ปฏิทิน: ชื่อและรายละเอียดกิจกรรม วันที่ เวลา ผู้ได้รับเชิญ ความถี่ และสถานที่
          3. (ค) Google เอกสาร, Google ชีต และ Google สไลด์: ข้อความในไฟล์ รูปภาพที่ฝัง และความคิดเห็นซึ่งผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องสร้างขึ้น
          4. (ง) Google ไดรฟ์: เนื้อหาไฟล์ต้นฉบับที่อัปโหลดไปยังไดรฟ์
          5. (จ) Google Chat: ข้อความและไฟล์แนบ
          6. (ฉ) Google ห้องนิรภัย: ข้อมูลส่งออกของห้องนิรภัย
        2. "เขตข้อมูล" หมายถึง (ก) สหรัฐอเมริกา หรือ (ข) ยุโรป

        3. "รุ่นที่มีคุณสมบัติ" หมายถึงรุ่นต่อไปนี้

          1. (ก) G Suite Business
          2. (ข) Google Workspace Enterprise Plus
          3. (ค) Google Workspace for Education Standard
          4. (ง) Google Workspace for Education Plus
    2. 2. Google ห้องนิรภัย ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ Google ห้องนิรภัยเท่านั้น

      1. 2.1 การเก็บรักษา Google ไม่มีภาระหน้าที่ในการเก็บรักษาข้อมูลลูกค้าที่เก็บไว้หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บรักษาที่ลูกค้าระบุหรือระยะคำสั่งซื้อซึ่งมีผลกับใบอนุญาต Google ห้องนิรภัยที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่ว่า (ก) มีการต่ออายุระยะเวลาการเก็บรักษาหรือระยะคำสั่งซื้อ (ข) กระบวนการทางกฎหมายหรือนิติบัญญัติที่เกี่ยวข้องป้องกันไม่ให้ Google ลบข้อมูลดังกล่าว หรือ (ค) ข้อมูลนี้อยู่ภายใต้การเก็บรักษาระหว่างดำเนินคดีซึ่งเรียกร้องโดยลูกค้า หากลูกค้าไม่ต่ออายุการซื้อและใช้งาน Google ห้องนิรภัย Google จะไม่มีภาระหน้าที่ในการเก็บรักษาข้อมูลลูกค้าที่เก็บไว้

    3. 3. Google Workspace Essentials ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับรุ่น Google Workspace Essentials และ/หรือ Google Workspace Essentials Starter เท่านั้น ตามที่ระบุไว้ดังนี้

      1. 3.1 การออกใบแจ้งหนี้

        1. (ก) หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials จาก Google โดยตรง (1) Google จะส่งใบแจ้งหนี้รายเดือนให้ลูกค้าเพื่อแจ้งค่าธรรมเนียมที่สะสมในช่วงเดือนที่ผ่านมา เว้นแต่ว่าจะระบุไว้เป็นอย่างอื่นใน URL ที่ระบุค่าธรรมเนียมสำหรับ SKU ที่เกี่ยวข้อง และ (2) ลูกค้าจะมียอดสะสมและชำระค่าธรรมเนียมทั้งหมดโดยอ้างอิงตาม (ก) จำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ต่อเดือนของลูกค้า (หรือหากลูกค้าไม่มีผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ในเดือนนั้น ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ขั้นต่ำคือหนึ่ง (1) รายในเดือนนั้น) และ (ข) การซื้อตามสัญญาผูกมัดหรือสัญญาผูกมัดขั้นต่ำ (หากมี) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาระหน้าที่ในการชำระและเรียกเก็บเงินระหว่าง Google และลูกค้า จะมีการใช้เครื่องมือวัดของ Google เพื่อกำหนดการใช้บริการของลูกค้า หากเกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียม
        2. (ข) ค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้าจากพาร์ทเนอร์ หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials จากตัวแทนจำหน่าย ลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายจะเป็นผู้กำหนดค่าธรรมเนียมร่วมกัน เว้นแต่ว่าจะมีการใช้เครื่องมือวัดของ Google เพื่อกำหนดการใช้บริการของลูกค้า หากเกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียม
      2. 3.2 การติดตามและการเรียกเก็บเงินของผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่และพื้นที่เก็บข้อมูล Google อาจบล็อกพฤติกรรมใดๆ ที่พยายามหลีกเลี่ยงการติดตามและการเรียกเก็บเงินของผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่หรือพื้นที่เก็บข้อมูล หากมี ไม่ว่าลูกค้าจะสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials และ/หรือ Google Workspace Essentials Starter หรือไม่

      3. 3.3 เครดิต SLA หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials จาก Google โดยตรง จะมีการคืนเครดิตการบริการซึ่งอาจต้องจ่ายคืนให้กับลูกค้าในรูปแบบของเครดิตเงินคืน (ไม่ใช่ระยะเวลาใช้บริการเพิ่มเติม) ซึ่งจะมีการนำไปใช้กับใบแจ้งหนี้ครั้งถัดไปของลูกค้า หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials จากตัวแทนจำหน่าย Google จะคืนเครดิตการบริการซึ่งอาจต้องจ่ายคืนให้กับลูกค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายในรูปแบบเครดิตเงินคืน (ไม่ใช่ระยะเวลาใช้บริการเพิ่มเติม)

      4. 3.4 ข้อยกเว้นของ SLA และบริการสนับสนุนด้านเทคนิค หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials Starter โปรดทราบว่า SLA จะไม่มีผลกับบริการใดๆ ที่รวมอยู่ในรุ่นดังกล่าว (แม้ว่า SLA จะกำหนดบริการดังกล่าวเป็นบริการที่ครอบคลุมของ Google Workspace) และ TSS จะไม่สามารถใช้ได้

      5. 3.5 การสิ้นสุดเนื่องจากไม่มีการใช้งานหรือตามความต้องการ หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials Starter ทาง Google ขอสงวนสิทธิ์ในการสิ้นสุดข้อตกลงและการให้บริการ ดังนี้

        1. (ก) หากไม่มีการเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบหรือการใช้บริการโดยลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางใดๆ เป็นเวลา 60 วันติดต่อกันก่อนวันที่แจ้ง โดยจะแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วัน หรือ
        2. (ข) ตามต้องการ โดยจะแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 90 วัน
      6. 3.6 คำนิยาม "ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่" หมายถึงผู้ใช้ปลายทางของรุ่น Google Workspace Essentials ซึ่ง (ก) จัดหรือเข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอใน Google Meet อย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงเดือนตามปฏิทิน หรือ (ข) เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์อย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงเดือนตามปฏิทิน

    4. 4. Cloud Search ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ Cloud Search เท่านั้น

      1. 4.1 แหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม การที่ลูกค้าใช้งานแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สามร่วมกับ Cloud Search Platform จะขึ้นอยู่กับและอยู่ในบังคับของข้อกำหนดในการให้บริการและข้อตกลงอื่นๆ ระหว่างลูกค้ากับผู้ให้บริการแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง ("ข้อกำหนดเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม") ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสิทธิที่จำเป็นเพื่ออนุญาตให้ Google เข้าถึงหรือใช้แหล่งข้อมูลของบุคคลที่สามดังกล่าวเพื่อการจัดสรรบริการ Cloud Search Platform ให้แก่ลูกค้า

      2. 4.2 ลูกค้า Cloud Search จะได้รับแผนกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์ Cloud Search เป็นระยะเพื่อวัตถุประสงค์ในการแจ้งข้อมูลเท่านั้น Google ไม่รับประกันว่าจะมีฟีเจอร์หรืออัปเดตที่ระบุไว้ในแผนกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์ Cloud Search และไม่มีภาระหน้าที่ในการจัดหาฟีเจอร์หรืออัปเดตดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของบริการ ลูกค้าสามารถแสดงความคิดเห็นหรือส่งคำขอฟีเจอร์ให้ Google พิจารณาได้ โดย Google อาจพิจารณานำไปเพิ่มลงในแผนกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์ Cloud Search ฉบับต่อไปได้ตามที่เห็นสมควรแต่เพียงผู้เดียว Google ไม่มีภาระหน้าที่ในการดำเนินการตามความคิดเห็นหรือคำขอฟีเจอร์ใดๆ ไม่ว่าความคิดเห็นหรือคำขอนั้นจะได้รับการเพิ่มลงในแผนกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์ Cloud Search หรือไม่

      3. 4.3 คำนิยามเพิ่มเติม

        1. "แผนกลยุทธ์ของผลิตภัณฑ์ Cloud Search" คือเอกสารที่ประกอบด้วยฟีเจอร์และอัปเดตผลิตภัณฑ์ที่วางแผนไว้สำหรับ Cloud Search

        2. "รายการ" หรือ "เอกสาร" หมายถึงเนื้อหาดิจิทัลใดๆ ที่ Cloud Search ปรับค่าตามดัชนีได้ ซึ่งรวมถึงไฟล์ DOCS, XLS, PPT, PDF, แถวในฐานข้อมูล, URL ที่ไม่ซ้ำกัน หรือประเภทไฟล์ใดๆ ที่รองรับ หากมี

        3. "คำค้นหา" หมายถึงคำขอที่ลูกค้าส่งถึง Google โดยใช้ Cloud Search เพื่อเรียกดูข้อมูลหรือชุดผลลัพธ์

        4. "แอปพลิเคชันการค้นหา" หมายถึงการกำหนดค่า Cloud Search ที่ลูกค้าหรือผู้ที่ลูกค้ามอบหมายสร้างและจัดการเพื่อใช้สำหรับกรณีใช้งานในธุรกิจที่เจาะจง เช่น การค้นหาในเอกสารต่างๆ ในพอร์ทัลอินทราเน็ตหรือเครื่องมือสนับสนุนของลูกค้า

    5. 5. บริการ Cloud Identity ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับบริการ Cloud Identity เท่านั้น

      1. 5.1 ข้อตกลงที่บังคับใช้ หากทั้งข้อตกลงฉบับนี้และข้อตกลง Google Cloud Platform ฉบับแยกต่างหากมีผลกับการใช้บริการ Cloud Identity ของลูกค้าภายใต้บัญชีนี้ หมายความว่า (ก) ข้อตกลงฉบับนี้จะควบคุมบริการ Cloud Identity เหล่านั้นตราบเท่าที่ยังคงมีผลบังคับใช้ (ข) หากข้อตกลง Google Cloud Platform ของลูกค้ายังคงมีผลใช้บังคับเมื่อข้อตกลงฉบับนี้หมดอายุหรือสิ้นสุด ข้อตกลง Google Cloud Platform จะรับช่วงควบคุมการใช้บริการ Cloud Identity ของลูกค้าภายใต้บัญชีนี้ต่อ และ (ค) หากข้อตกลง Google Cloud Platform ของลูกค้าไม่มีผลบังคับใช้อีกต่อไปเมื่อข้อตกลงฉบับนี้หมดอายุหรือสิ้นสุด ข้อกำหนดที่ https://cloud.google.com/terms/identity จะรับช่วงควบคุมการใช้บริการ Cloud Identity ของลูกค้าภายใต้บัญชีต่อ ซึ่งข้อกำหนดในส่วนนี้จะยังคงมีผลหลังจากการหมดอายุหรือการสิ้นสุดข้อตกลง

      2. 5.2 คำนิยามเพิ่มเติม

        1. "Google Cloud Platform" หมายถึงบริการปัจจุบันในขณะนั้นตามที่อธิบายไว้ใน https://cloud.google.com/terms/services

    6. 6. ข้อกำหนดเกี่ยวกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป Google จะให้บริการฟีเจอร์ บริการ หรือซอฟต์แวร์ของ Google Workspace ก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปแก่ลูกค้าโดยระบุว่าเป็นเวอร์ชัน "ทดลองใช้ก่อนเปิดตัว" "อัลฟ่า" "เบต้า" "ตัวอย่าง" "ทดลอง" หรือชื่อระบุที่คล้ายกันในข้อมูลสรุปของบริการ เอกสารประกอบหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง หรือใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบ (ตามที่ให้คำนิยามไว้ด้านล่าง) (เรียกรวมกันว่า "ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป") แม้ว่าข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ใช่บริการ แต่การใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปของลูกค้าจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับบริการตามที่มีการแก้ไขในข้อ 6 นี้

      1. 6.1 การเข้าถึงและการใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

        1. (ก) ใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบ ลูกค้าจะสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบสำหรับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปอย่างน้อย 1 รายการได้โดยการส่งใบสมัครที่มีให้ผ่านคอนโซลผู้ดูแลระบบหรือจาก Google ("ใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบ") หาก Google ตอบรับให้ลูกค้าเป็นผู้ใช้ทดสอบของข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปรายการใดๆ (อิงตามข้อกำหนดระดับโดเมนในปัจจุบัน ณ ขณะนั้นของ Google สำหรับผู้ใช้ทดสอบ) Google จะอนุญาตให้ลูกค้าใช้งานข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปดังกล่าวโดยเป็นไปตามข้อกำหนดของข้อ 6 นี้ ข้อกำหนดเพิ่มเติม ("ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการทดสอบ") อาจมีผลกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปดังกล่าว และ Google จะแจ้งแก่ผู้ใช้ผ่านใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบหรือระบุเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนที่ลูกค้าจะใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป หากมี ใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบและข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการทดสอบจะรวมอยู่ในข้อ 6 นี้

        2. (ข) การใช้ข้อมูลการทดสอบของลูกค้า Google สามารถ และลูกค้าต้อง (รวมถึงโดยการรวบรวมหรือให้ความยินยอมหรือการแจ้งเตือนที่จำเป็น) จัดแจงให้ Google สามารถใช้ข้อมูลลูกค้า (ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า) ที่ส่ง จัดเก็บ ให้ หรือได้รับผ่านข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปใดๆ จากลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางได้ ("ข้อมูลการทดสอบของลูกค้า") โดยขึ้นอยู่กับข้อ 6(ง) (ข้อจำกัดในการใช้งานของลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล) ของข้อ 6 นี้ เพื่อให้ ทดสอบ วิเคราะห์ พัฒนา และปรับปรุงข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเหล่านั้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ของ Google ที่ใช้ร่วมกันโดยไม่มีข้อจำกัดหรือภาระหน้าที่ต่อลูกค้า ผู้ใช้ปลายทาง หรือบุคคลที่สามรายใดๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในบทบัญญัติด้านการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับของข้อตกลงนี้และตามที่ระบุไว้ด้านล่าง

        3. หากลูกค้ายินยอมหรือทุกฝ่ายยอมรับข้อกำหนดของ Google ปัจจุบันในขณะนั้นซึ่งอธิบายภาระหน้าที่ด้านการคุ้มครองและการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลลูกค้าตามที่ระบุไว้ที่ https://cloud.google.com/terms/data-processing-addendum ("เอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์" หรือ "CDPA") CDPA จะมีผลกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในฐานะ "บริการ" เพื่อวัตถุประสงค์ของ CDPA นี้ และเพื่อความชัดเจน ข้อ 6 นี้จะประกอบขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของ "ข้อตกลง" ตามที่อ้างอิงถึงในข้อ 5.2.1 (คำแนะนำของลูกค้า) ของ CDPA โดยขึ้นอยู่กับการแก้ไขดังต่อไปนี้

          1. (1) ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปไม่ได้เป็น "บริการที่ได้รับการตรวจสอบ" ภายใต้ CDPA
          2. (2) ลูกค้ารับทราบว่า เพื่อวัตถุประสงค์ของข้อ 6.1 (การลบโดยลูกค้า) ของ CDPA นี้และภายในขอบเขตซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ฟังก์ชันของข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่อนุญาตให้ลบข้อมูลการทดสอบของลูกค้าในช่วงเวลาที่ลูกค้าได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ("อายุของข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป") แต่เราจะลบข้อมูลการทดสอบของลูกค้าดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดอายุข้อเสนอตามข้อ 6.2 (การส่งคืนหรือการลบเมื่อสิ้นสุดข้อเสนอ) ของ CDPA
          3. (3) หากไม่ได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่นในใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบที่เกี่ยวข้อง (ก) ข้อมูลผู้ประมวลผลข้อมูลย่อย (ตามที่ให้คำนิยามไว้ใน CDPA) ที่มีส่วนร่วมโดยเกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งรวมถึงข้อมูลฟังก์ชันและตำแหน่งที่ตั้ง จะจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรโดย Google ตามคำขอจากลูกค้า และ (ข) Google จะแจ้งให้ลูกค้าทราบเรื่องการมีส่วนร่วมในระหว่างอายุข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปของผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยรายใหม่ซึ่งเป็นบุคคลที่สามรายใดๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป (รวมถึงชื่อและตำแหน่งที่ตั้งของผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยและกิจกรรมต่างๆ) โดยการส่งข้อความถึงอีเมลสำหรับการแจ้งเตือนก่อนที่ผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยจะเริ่มประมวลผลข้อมูลการทดสอบของลูกค้า ลูกค้าอาจงดเว้นการใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่เกี่ยวข้องในฐานะวิธีการเยียวยาเพียงวิธีเดียวสำหรับลูกค้า หากลูกค้าไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมของผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยรายดังกล่าว
        4. (ค) ไม่มีการระบุตำแหน่งข้อมูลหรือความโปร่งใสในการเข้าถึง ข้อมูลการทดสอบของลูกค้าที่ประมวลผลภายใต้ข้อ 6 นี้จะไม่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดด้านตำแหน่งข้อมูลหรือความโปร่งใสในการเข้าถึงใดๆ (ดูข้อมูลได้ที่ https://cloud.google.com/access-transparency/ และ https://workspace.google.com/terms/service-terms)

        5. (ง) ข้อจำกัดในการใช้งานของลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล หากไม่มีการให้สิทธิ์เป็นลายลักษณ์อักษรจาก Google ลูกค้ากลุ่มต่อไปนี้จะใช้ข้อมูลการทดสอบหรือการทดลองกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปได้เท่านั้นและจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อมูล "แบบเรียลไทม์" หรือข้อมูลเวอร์ชันใช้งานจริงซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป: ลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงรัฐบาลกลาง รัฐบาลในระดับประเทศ รัฐ จังหวัด หรือท้องถิ่น หรือนิติบุคคลหรือหน่วยกำกับดูแลกฎหมาย และไม่รวมลูกค้าที่เป็นสถาบันการศึกษา

        6. (จ) ความคิดเห็น ลูกค้าอาจแสดงความคิดเห็นและมอบข้อเสนอแนะเกี่ยวกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปแก่ Google จากนั้น Google และบริษัทในเครืออาจใช้ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่มอบให้โดยไม่มีข้อจำกัดและภาระหน้าที่ต่อลูกค้า

      2. 6.2 ข้อกำหนดอื่นๆ ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะพร้อมใช้งาน "ตามที่มีอยู่" โดยไม่มีการรับประกันหรือรับรองอย่างชัดแจ้งหรือโดยนัยในรูปแบบใดๆ ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป (ก) อาจมีการเปลี่ยนแปลง ระงับ หรือปิดใช้ได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า และ (ข) ไม่ได้รับความคุ้มครองโดย SLA หรือการชดใช้ค่าเสียหายโดย Google เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่นโดยชัดแจ้งในใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบหรือเอกสารหรือเนื้อหาอื่นๆ สำหรับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่ระบุ (1) ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้ TSS และ (2) ลูกค้าอาจไม่มีสิทธิใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเพื่อประมวลผลข้อมูลสุขภาพที่ได้รับการคุ้มครองซึ่งมีการให้นิยามไว้ใน HIPAA ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในขอบเขตสูงสุดซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้การอนุญาต Google จะไม่รับผิดต่อจำนวนเงินที่เกินกว่า (ก) ขีดจำกัดของจำนวนเงินสำหรับการรับผิดที่ระบุไว้ในข้อตกลงหรือ (ข) $25,000 ไม่มีสิ่งใดในประโยคที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ที่จะมีผลต่อข้อกำหนดที่เหลือของข้อตกลงนี้ที่เกี่ยวข้องกับความรับผิด (รวมถึงข้อยกเว้นที่เจาะจงจากข้อจำกัดความรับผิดใดๆ) Google อาจสิ้นสุดการใช้งานข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปของลูกค้าได้ทุกเมื่อโดยจะทำการแจ้งลูกค้าเป็นลายลักษณ์อักษร

    7. 7. การยืนยันโดยใช้อีเมลของโดเมน ข้อกำหนดเพิ่มเติมต่อไปนี้จะมีผลบังคับใช้เฉพาะเมื่อมีการยืนยันอีเมลของโดเมน (แทนที่จะเป็นชื่อโดเมน) เพื่อใช้บริการเท่านั้น

      1. 7.1 การเชิญผู้ใช้ปลายทาง ลูกค้าอาจเชิญผู้ใช้รายอื่นๆ ที่มีอีเมลของโดเมนให้ใช้บริการนี้ได้ หากผู้ใช้เหล่านั้นยอมรับคำเชิญของลูกค้าเพื่อใช้บริการดังกล่าว เราจะถือว่าเป็นผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าซึ่งอยู่ภายใต้ข้อตกลงนี้

      2. 7.2 การยืนยันชื่อโดเมน

        1. (ก) บุคคลหรือนิติบุคคลใดๆ จะยืนยันชื่อโดเมนที่เกี่ยวข้องกับอีเมลของโดเมนนี้ได้ทุกเมื่อ ("ฝ่ายที่ทำการยืนยัน")

        2. (ข) ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของและมีสิทธิในการควบคุมบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องกับชื่อโดเมนและข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในบัญชีผู้ใช้ปลายทางเหล่านั้นโดยทันทีหลังจากการยืนยันชื่อโดเมน

        3. (ค) ระบบจะแจ้งลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางทั้งหมดเมื่อชื่อโดเมนได้รับการยืนยันแล้ว

        4. (ง) การดูแลระบบหลังจากการยืนยันชื่อโดเมน ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะมีสิทธิดำเนินการต่างๆ ต่อไปนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับบัญชีของลูกค้าและบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมด (1) เข้าถึง ตรวจสอบ ใช้ แก้ไข ระงับ หรือเปิดเผยข้อมูลลูกค้า (2) ควบคุมการตั้งค่าบัญชี (รวมถึงการเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชี) (3) ควบคุมสิทธิเข้าถึงบริการและการใช้บริการต่างๆ (4) จำกัดสิทธิเข้าถึงข้อมูลหรือการตั้งค่าต่างๆ (5) จำกัดสิทธิยกเลิกการเชื่อมโยงบัญชีของลูกค้าและบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมด (รวมถึงข้อมูลลูกค้าและข้อมูลในบัญชีของลูกค้าและบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมด) จากฝ่ายที่ทำการยืนยัน (6) นำออกหรือปิดใช้บริการ ผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม หรือบริการ/ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เปิดใช้ ใช้งานอยู่ ดาวน์โหลดไว้ หรือติดตั้งไว้โดยใช้บัญชีของลูกค้าหรือบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องกับชื่อโดเมนนี้ และ (7) ระงับหรือสิ้นสุดการใช้บริการเหล่านี้

      3. 7.3 การลบข้อมูล ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าจะมีสิทธิลบหรือส่งออกข้อมูลลูกค้าและ/หรือลบบัญชีผู้ใช้ปลายทางของตนเองได้ในลักษณะที่สอดคล้องกับฟังก์ชันและการดูแลระบบของบริการเหล่านี้ และยกเว้นกรณีที่การใช้บริการถูกระงับตามข้อกำหนดนี้ในเวลาใดๆ ก่อนที่ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (รวมถึงบัญชีของลูกค้า) หลังจากฝ่ายที่ทำการยืนยันเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว (รวมถึงบัญชีของลูกค้า) ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าอาจลบบัญชีผู้ใช้ปลายทางไม่ได้ และอาจลบหรือส่งออกข้อมูลลูกค้าไม่ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับการดูแลระบบของบริการเหล่านั้น

      4. 7.4 วิธีการประมวลผลข้อมูล หากไม่มีการลบหรือส่งออกข้อมูลลูกค้าก่อนที่ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (ซึ่งรวมถึงบัญชีของลูกค้า) แสดงว่าลูกค้ารับทราบว่าข้อกำหนดที่เฉพาะเจาะจงของบริการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงและจะบันทึกคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้าต่อ Google เพื่อดำเนินการต่อไปนี้ โดยไม่คำนึงถึงข้อกำหนดใดๆ ที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่นใน CDPA (หากมี) (ก) เก็บรักษาข้อมูลลูกค้าทั้งหมดที่ลูกค้ายังไม่ลบก่อนหน้าที่จะสิ้นสุดข้อตกลงหลังจากการสิ้นสุดข้อตกลงตามที่อธิบายไว้ในข้อ 7.6 (การสิ้นสุดหลังจากการยืนยันโดเมน) และ (ข) อนุญาตให้ฝ่ายที่ทำการยืนยันเข้าถึงข้อมูลลูกค้าที่เก็บรักษาไว้ทั้งหมดได้

      5. 7.5 ความยินยอมให้ดูแลระบบ ลูกค้ายินยอมอนุญาต (หากเกี่ยวข้อง) ให้ (ก) ฝ่ายที่ทำการยืนยันมีสิทธิเข้าถึงและมีความสามารถตามที่อธิบายไว้ในข้อตกลงนี้ และ (ข) Google จะต้องให้สิทธิเข้าถึงและความสามารถตามที่อธิบายไว้ในข้อตกลงนี้แก่ฝ่ายที่ทำการยืนยัน

      6. 7.6 การสิ้นสุดหลังจากการยืนยันโดเมน หากฝ่ายที่ทำการยืนยันเป็นบุคคลที่สาม ข้อตกลงนี้จะสิ้นสุดโดยอัตโนมัติเมื่อฝ่ายที่ทำการยืนยันเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง (ซึ่งรวมถึงบัญชีของลูกค้า) และเพื่อความชัดเจน ส่วนนี้จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อสิทธิของผู้ใช้ปลายทางที่อาจได้รับมาจากฝ่ายที่ทำการยืนยันภายใต้ข้อตกลงของ Google Workspace ของฝ่ายดังกล่าว (ที่แยกต่างหาก)

      7. 7.7 ข้อจำกัดของบริการ บริการ ฟีเจอร์ และฟังก์ชันบางอย่างอาจไม่พร้อมใช้งานเว้นแต่ว่าและจนกว่าจะมีการยืนยันชื่อโดเมน

    8. 8. บริการโทรศัพท์ของ Google ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ (1) Google Voice และ (2) การใช้ Google Meet เพื่อโทรออกและรับสายโทรเข้า ("โทรศัพท์ของ Google Meet") หากมี (และเพื่อจุดประสงค์ของข้อ 8 นี้ Google Voice และโทรศัพท์ของ Google Meet จะเรียกรวมกันว่า "บริการโทรศัพท์ของ Google") ข้อกำหนดเหล่านี้มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับข้อจำกัดในบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน โปรดอ่านข้อมูลต่อไปนี้อย่างละเอียด

      1. 8.1 ฝ่ายต่างๆ ในบริการโทรศัพท์ของ Google และโครงสร้างสัญญา

        1. (ก) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google บริษัทในเครือ Google ที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการที่เกี่ยวข้อง (บริษัทในเครือดังกล่าวในแต่ละกรณีซึ่งเรียกว่า "ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google" หรือ "GTSP") จะให้บริการโทรศัพท์ของ Google ที่เกี่ยวข้องแก่ลูกค้าตามที่อธิบายไว้ในข้อ 8.1(ข) (โครงสร้างข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google) โดยขึ้นอยู่กับข้อ 8.1(ง)

        2. (ข) โครงสร้างข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google นิติบุคคล Google Workspace เป็นตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องของ GTSP และทำสัญญาในนามของ GTSP ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการโทรศัพท์ของ Google เท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับข้อ 8.1(ง) ตามที่ระบุดังกล่าว

          1. (1) หากลูกค้าเลือกสั่งซื้อบริการโทรศัพท์ใดๆ ของ Google นอกเหนือจากบริการอื่นที่ลูกค้าสั่งซื้อภายใต้ข้อตกลง ข้อ 8.1 ร่วมกับข้อกำหนดอื่นๆ ของข้อตกลง (รวมถึง CDPA และข้อจำกัดความรับผิดทั้งหมด) จะประกอบขึ้นเป็นข้อตกลงแยกต่างหาก ("ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google") ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่าง GTSP ที่เกี่ยวข้อง (ผ่านนิติบุคคล Google Workspace ในฐานะตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง) และลูกค้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการโทรศัพท์ของ Google ดังกล่าวเท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดส่วนที่เหลือของข้อ 8.1 นี้
          2. (2) ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google จะมีผล ณ วันที่มีผลในใบสั่งซื้อบริการโทรศัพท์ของ Google เริ่มต้นของลูกค้า และจะดำเนินไปจนกว่าจะเกิดเหตุใดเหตุหนึ่งต่อไปนี้เป็นอันดับแรก (ก) ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google ตามข้อกำหนดสิ้นสุดลง หรือ (ข) ข้อตกลงสิ้นสุดหรือหมดอายุ โดยขึ้นอยู่กับการสิ้นสุดก่อนหน้าตามข้อกำหนด ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google จะมีผลแทนข้อตกลงเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการโทรศัพท์ของ Google เท่านั้น
          3. (3) เพื่อจุดประสงค์ของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google การอ้างอิง (ยกเว้นการอ้างอิงในข้อมูลสรุปของบริการและข้อ 8 นี้ของข้อกำหนดเฉพาะของบริการเหล่านี้) ถึง "ข้อตกลง" ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น "ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google" การอ้างอิงถึง "Google" ที่เป็นนิติบุคคลทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น "GTSP" และการอ้างอิงถึง "บริการ" หรือ "บริการหลัก" ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น "บริการโทรศัพท์ของ Google"
          4. (4) ลูกค้าจะบังคับใช้สิทธิและสิทธิประโยชน์ภายใต้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google ได้กับ GTSP เท่านั้น โดยไม่รวมนิติบุคคล Google Workspace และจะมีภาระหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google (รวมถึงภาระหน้าที่ในการชำระค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด) ต่อ GTSP เท่านั้น โดยไม่รวมนิติบุคคล Google Workspace
          5. (5) ในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างข้อ 8.1 นี้กับข้อกำหนดอื่นใดของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google (รวมถึงส่วน "ข้อกำหนดที่ขัดแย้ง" ของข้อตกลงและส่วน "ลำดับความสำคัญ" ของ CDPA) ข้อกำหนดของข้อ 8.1 นี้จะมีผลเหนือกว่า โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดก็ตามที่ขัดแย้งกับข้อตกลง
          6. (6) คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสิ้นสุดข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google โดยแยกจากข้อตกลงได้ตามที่อธิบายไว้ในส่วน "อายุและการสิ้นสุดข้อตกลง" ของข้อตกลง หากลูกค้าสิ้นสุดการใช้ Google Voice ของตนเองตามที่อธิบายไว้ในข้อ 8.10 (การสิ้นสุดการใช้งาน Google Voice โดยลูกค้า) การสิ้นสุดดังกล่าวจะมีผลให้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google สิ้นสุดโดยอัตโนมัติ
        3. (ค) ข้อกำหนดในภูมิภาค ข้อกำหนดในภูมิภาครวมเข้ากับข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google และมีผลภายในขอบเขตที่ผู้ใช้ปลายทางใช้ Google Voice ในประเทศที่อธิบายไว้ในข้อกำหนดในภูมิภาค

        4. (ง) การมีผลบังคับใช้ สำหรับลูกค้าที่มีที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงินในแคนาดา ฝรั่งเศส หรืออิตาลี (1) ข้อ 8.1(ก) (ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google) และข้อ 8.1(ข) (โครงสร้างข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google) จะไม่มีผลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Google Voice (2) Google จะเป็นผู้ให้บริการ Google Voice แก่ลูกค้า และ (3) การอ้างอิงถึง "ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google" หรือ "GTSP" ทั้งหมดในข้อกำหนดเฉพาะบริการเหล่านี้หมายถึง Google ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Google Voice

      2. 8.2 การให้บริการโทรศัพท์ของ Google

        1. (ก) การใช้ข้อมูล
          1. (1) การเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูล GTSP จะรวบรวมและใช้ข้อมูลลูกค้าตามการเปิดเผยความเป็นส่วนตัวของบริการโทรศัพท์ของ Google ซึ่งดูได้ที่ https://workspace.google.com/terms/service-terms/voice/privacy_disclosure.html
          2. (2) ไดเรกทอรีผู้ใช้บริการ GTSP จะไม่มอบหมายเลข Google Voice ของลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าแก่บริการไดเรกทอรี นอกจากจะได้รับคำขอให้ดำเนินการดังกล่าวจากลูกค้าหรือหากกฎหมายกำหนด
        2. (ข) ผู้ให้บริการโทรศัพท์
          1. (1) ผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทในเครือ GTSP อาจใช้บริษัทในเครือเพื่อให้บริการโทรศัพท์ของ Google ตามที่อธิบายไว้ในรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการ
          2. (2) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ที่ไม่ใช่บริษัทในเครือ GTSP และบริษัทในเครือใช้ผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นบุคคลที่สามที่ไม่ใช่ Google ("ผู้ให้บริการโทรศัพท์") ในการกำหนดเส้นทางการโทรเข้าและออก (หากมี) ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน (PSTN) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ตลอดจนตำแหน่งที่ตั้งของบริษัทระบุอยู่ในรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการ การใช้บริการโทรศัพท์ของ Google จะถือว่าลูกค้าสั่งให้ GTSP ว่าจ้าง และให้บริษัทในเครือว่าจ้างผู้ให้บริการโทรศัพท์ดำเนินการดังนี้
            1. (1) กำหนดเส้นทางการโทรเข้าและโทรออก (หากมี) และ
            2. (2) ประมวลผลข้อมูลลูกค้าในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลอิสระในประเทศที่ลูกค้าอยู่
              1. ก) ในขอบเขตต่ำสุดที่จำเป็นสำหรับการกำหนดเส้นทางดังกล่าว และ
              2. ข) โดยเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (รวมถึงข้อบังคับโทรคมนาคมและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของยุโรป)
        3. เพื่อความชัดเจน ขอแจ้งว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลย่อย (ตามที่ให้คำนิยามไว้ใน CDPA)
      3. 8.3 เงื่อนไขการชำระเงินเพิ่มเติม

        1. (ก) ใบแจ้งหนี้บริการโทรศัพท์ของ Google ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดจากการที่ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางใช้บริการโทรศัพท์ของ Google จะเรียกเก็บแยกจากบริการอื่นๆ ของ Google Workspace และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการชำระเงินของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google
        2. (ข) อัตราค่าโทร นอกจากค่าธรรมเนียมแล้ว ลูกค้าจะชำระเงินให้ GTSP เป็นค่าโทรตามการใช้งาน หากมี ค่าใช้จ่ายจากการใช้งานจะคำนวณตามอัตราค่าโทรปัจจุบัน ณ ขณะนั้น
        3. (ค) ภาษี ลูกค้าต้องชำระภาษีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะมีใบรับรองการยกเว้นภาษีหรือไม่ก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดก็ตามที่ขัดแย้งกับข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google ภาษีที่เรียกเก็บอาจประกอบด้วยภาษีที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการโทรศัพท์ของ Google ของผู้ใช้ปลายทางนอกประเทศที่ผู้ใช้ปลายทางใช้บริการโทรศัพท์ของ Google อยู่
      4. 8.4 ข้อกำหนดของ Google Voice และข้อจำกัดความรับผิดของ GTSP

        1. (ก) ข้อกำหนดของ Google Voice ข้อ 8.4(ก) นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet การใช้งาน Google Voice อาจต้องใช้บรอดแบนด์หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือแยกต่างหาก และอุปกรณ์ของผู้ใช้ปลายทางต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิคขั้นต่ำบางอย่าง GTSP จะแจ้งคำอธิบายข้อกำหนดอุปกรณ์ขั้นต่ำให้ลูกค้าทราบ การใช้ Google Voice นอกประเทศหรือการใช้บริการโรมมิ่งอื่นๆ อาจทำให้ค่าใช้จ่ายที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเรียกเก็บจากผู้ใช้ปลายทางสูงขึ้น
        2. (ข) ข้อจำกัดความรับผิดของ GTSP GTSP ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความขัดข้องหรือความล้มเหลวของบริการโทรศัพท์ของ Google อันเนื่องมาจากความล่าช้า การขาดหาย หรือความขัดข้องใน (1) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของลูกค้า (2) เครือข่ายของผู้ให้บริการโทรศัพท์ หรือ (3) การทำงานของอุปกรณ์ของลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทาง การใช้งานบริการโทรศัพท์ของ Google ในอุปกรณ์เคลื่อนที่อาจใช้โควต้าอินเทอร์เน็ตมือถือหรือโควต้าการโทรของผู้ใช้ปลายทางที่ซื้อจากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ
      5. 8.5 ความสามารถของ Google Voice ข้อ 8.5 นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet

        1. (ก) การมอบหมายและความพร้อมใช้งานของหมายเลข Google Voice อนุญาตให้มอบหมายหมายเลขโทรศัพท์ โดยจะมีเงื่อนไขต่อไปนี้
          1. (1) ในการเปิดใช้หมายเลข GTSP อาจต้องเก็บข้อมูลที่ข้อบังคับการสื่อสารโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ รวมถึงที่อยู่สำหรับรับบริการและหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของลูกค้า
          2. (2) ในบางประเทศ ที่อยู่สำหรับรับบริการต้องตรงกับพื้นที่ซึ่งครอบคลุมโดยหมายเลขที่มอบหมาย
          3. (3) การเปิดใช้หมายเลขอาจยังไม่มีผลทันทีที่ส่งคำขอ และ
          4. (4) ระบบอาจนำหมายเลขที่ไม่มีการใช้งานออกจากบัญชีของลูกค้า
        2. (ข) การย้ายหมายเลข ลูกค้าอาจย้ายหมายเลขเดิมจากผู้ให้บริการรายอื่นมาใช้ Google Voice ได้ โดยต้องอยู่ในขอบเขตที่ Google Voice เสนอการกำหนดหมายเลข และอาจขอให้ปล่อยหมายเลขที่กำหนดดังกล่าวให้แก่ผู้ให้บริการอีกรายได้ โดยอยู่ภายใต้ข้อ 8.5(ข)(1)-(4) ด้านล่าง
          1. (1) การย้ายเข้า หากต้องการโอนหมายเลขจากผู้ให้บริการรายอื่น ลูกค้าต้องทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ที่ support.google.com/a/go/voice-porting เนื่องจากข้อมูลในเว็บไซต์นั้นอาจมีการปรับปรุงเป็นครั้งคราว ลูกค้าจะย้ายหมายเลขเข้ามาได้เฉพาะในบัญชีที่ใช้งานอยู่เท่านั้น การย้ายหมายเลขเข้าอาจทำไม่ได้ในบางพื้นที่ที่ Google Voice ให้บริการ
          2. (2) การย้ายออก หากต้องการโอนหมายเลขที่มอบหมายไปที่ผู้ให้บริการอีกราย ลูกค้าต้องทำตามขั้นตอนการย้ายของผู้ให้บริการรายนั้น GTSP จะดำเนินการตามคำขอย้ายเมื่อได้รับแจ้งจากผู้ให้บริการรายใหม่ของลูกค้าว่าลูกค้าได้ส่งคำขอย้าย GTSP ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความล่าช้าหรือความขัดข้องของบริการที่เกิดจากกระบวนการย้ายหมายเลขออก คำขอที่ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดซึ่งเกิดจากลูกค้าหรือผู้ให้บริการรายใหม่ของลูกค้า หรือคำขอย้ายที่หลอกลวงจากบุคคลที่สาม
          3. (3) ภาระหน้าที่ของลูกค้า ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบ (ก) ความถูกต้องของข้อมูลเกี่ยวกับคำขอย้ายที่ส่งให้ GTSP (ข) ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการย้ายหมายเลข รวมถึงค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับหมายเลขและแพ็กเกจที่เหลือ (ค) ค่าธรรมเนียมที่คงค้างกับ GTSP ซึ่งเกี่ยวข้องกับหมายเลขจนถึงเวลาที่ย้ายหมายเลขสำเร็จ ตามขอบเขตที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาต
          4. (4) การสิ้นสุดของบริการ GTSP อาจปล่อยหมายเลข Google Voice หลังสิ้นสุดใบอนุญาตผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องหรือเมื่อใบอนุญาตดังกล่าวหมดอายุ หากลูกค้าไม่ได้ย้ายหมายเลขไปที่ผู้ให้บริการรายอื่นก่อนที่ใบอนุญาตจะสิ้นสุดหรือหมดอายุ
        3. (ค) หมายเลขผู้โทร Google Voice อนุญาตให้แสดงหมายเลข Google Voice ของลูกค้าในอุปกรณ์ที่รับสายหากทำได้ในทางเทคนิค ผู้ใช้ปลายทางอาจหยุดการแสดงหมายเลขอย่างถาวรหรือพิจารณาตามการโทรแต่ละครั้งได้ ด้วยเหตุผลทางเทคนิค GTSP อาจหยุดแสดงหมายเลข Google Voice ไม่ได้ในบางกรณี รวมถึงการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน
        4. (ง) การบล็อกหมายเลข หากลูกค้าส่งคำขอ GTSP จะบล็อกหรือเลิกบล็อกการใช้ Google Voice เพื่อโทรหาหมายเลข ช่วงหมายเลข หรือประเภทของหมายเลขเฉพาะเจาะจง (รวมถึงบริการเสริม) ในขอบเขตที่สามารถทำได้ในทางเทคนิค
        5. (จ) การบันทึกการโทร Google Voice อาจอนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์แต่ละครั้งได้ ลูกค้าตกลงที่จะไม่บันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์โดยไม่ได้รับความยินยอม หากกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอม และจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางดำเนินการเช่นเดียวกันด้วย
      6. 8.6 ข้อจำกัดของบริการโทรศัพท์ของ Google บริการโทรศัพท์ของ Google จะไม่ทำสิ่งต่อไปนี้

        1. (ก) มีระบบช่วยโทรโดยเจ้าหน้าที่และการโทรหาหมายเลขพิเศษ (อาจมีค่าโทรเพิ่มเติมสำหรับสายเหล่านี้)
        2. (ข) รองรับการโทรแบบ "เรียกเก็บเงินปลายทาง" หรือ
        3. (ค) รองรับการโทรหรือการเชื่อมต่อไปยังบางหมายเลข ซึ่งรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์อัตราพิเศษ เป็นต้น
      7. 8.7 ข้อจำกัดในการใช้ Google Voice ข้อ 8.7 นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet ลูกค้าจะไม่มอบหมายหมายเลขต่อ ให้สิทธิเข้าถึง หรืออนุญาตให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ตามกฎหมายเข้าใช้งาน Google Voice โดยเกณฑ์นี้เป็นไปตามที่ระบุในกฎหมายที่เกี่ยวข้องของเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้อง GTSP อาจระงับหรือปิดบัญชีที่บุคคลดังกล่าวใช้หรือได้รับบริการเป็นการถาวร

      8. 8.8 บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ข้อย่อย 8.8(ก) มีผลเฉพาะกับโทรศัพท์ของ Google Meet เท่านั้น โดยไม่รวม Google Voice ข้อย่อยอื่นๆ ทั้งหมด ((ข) - (ฉ)) ของข้อ 8.8 มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet

        1. (ก) การโทรทางเดียว ฟีเจอร์การโทรทางเดียวของโทรศัพท์ Google Meet ใช้โทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่ได้ ผู้ใช้ปลายทางจะโทรหาหรือรับสายจากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่ได้ ลูกค้ามีหน้าที่จัดหาวิธีอื่นที่จะทำให้ผู้ใช้ปลายทางโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินได้
        2. (ข) การโทร 2 ทาง Google Voice รองรับการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน บริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินด้วยโทรศัพท์แบบ IP มีข้อจำกัดบางอย่างเมื่อเทียบกับการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินแบบปกติ และจะทำงานต่างจากการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินแบบปกติ เงื่อนไขต่อไปนี้อธิบายความแตกต่างและข้อจำกัด โดยข้อจำกัดเพิ่มเติมเฉพาะประเทศจะมีการอธิบายอยู่ในข้อกำหนดในภูมิภาค ลูกค้ารับทราบและยอมรับความแตกต่างระหว่างบริการโทรศัพท์ปกติกับการโทรแบบใช้ IP ในส่วนของการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตามที่อธิบายในที่นี้
          1. (1) คำอธิบายบริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน ผู้ใช้ปลายทางที่ใช้ฟีเจอร์การโทร 2 ทางของ Google Voice จะโทรออกและรับสายจากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย บริการช่วยเหลือฉุกเฉินจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้ปลายทาง เมื่อผู้ใช้ปลายทางโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน GTSP จะแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ปลายทางและที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งไว้กับ Google (ดูข้อ 8.8(ง) (ภาระหน้าที่ของลูกค้า) ด้านล่าง) ให้แก่เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ผู้ใช้ปลายทางอาจต้องยืนยันตำแหน่งที่อยู่จริงและหมายเลขโทรกลับ เพราะเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินอาจไม่มีข้อมูลส่วนนี้
          2. (2) ข้อจำกัดเกี่ยวกับบริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน บริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินของ Google Voice มีข้อจำกัดด้านความพร้อมใช้งานดังต่อไปนี้ (ก) บริการอาจไม่พร้อมใช้งานเมื่อไฟฟ้าดับหรือสัญญาณอินเทอร์เน็ตขาดหายหรือมีความขัดข้อง (ข) การโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินอาจใช้เวลาติดต่อจุดรับแจ้งเหตุความช่วยเหลือฉุกเฉิน (PSAP) นานกว่าการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบปกติ และสายอาจไม่ว่างหรือติดต่อไม่ได้ (ค) การโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินอาจติดต่อไปที่ PSAP อย่างถูกต้อง แต่ระบบอาจไม่ได้ส่งตำแหน่งหรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ปลายทางโดยอัตโนมัติ และเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินอาจติดต่อกลับไม่ได้ (ง) การโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินระหว่างที่ใช้บริการโรมมิ่งอาจกำหนดเส้นทางไปที่ PSAP ท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับที่อยู่ที่ลงทะเบียนของผู้ใช้ปลายทาง (ลูกค้าจะแนะนำให้ผู้ใช้ปลายทางใช้ฟังก์ชันการโทรในเครื่องขณะใช้บริการโรมมิ่ง) (จ) ผู้ใช้ปลายทางที่หูหนวก มีปัญหาในการได้ยิน หรือมีความบกพร่องในการพูดควรโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินในท้องถิ่นโดยตรงด้วยเครื่องโทรพิมพ์ (TTY) หรือบริการส่งต่อทางโทรคมนาคม แทนที่จะใช้หมายเลข 711 หรือหมายเลขที่เทียบเท่าในท้องถิ่น (ฉ) หากผู้ใช้ปลายทางมีอุปกรณ์หลายเครื่องที่เชื่อมโยงกับหมายเลขบัญชีของตน (1) การโทรกลับจาก PSAP อาจไม่ได้ส่งเสียงเรียกเข้าในอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงบางเครื่อง และ (2) เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินอาจเห็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ต่างกับหมายเลขส่วนตัวของผู้ใช้ปลายทาง (ช) หากผู้ใช้ปลายทางปิดการโทรเข้า PSAP อาจโทรกลับไม่ได้ (ซ) หากการโทรด้วย Google Voice ล้มเหลว ระบบอาจนำผู้ใช้ปลายทางไปที่การโทรหมายเลขฉุกเฉินอย่างสมบูรณ์ซึ่งใช้ฟังก์ชันการโทรในเครื่อง และ (ฌ) การโทรหาหมายเลขฉุกเฉินจะใช้ไม่ได้กับบริการการโทรนี้ หาก (1) ใช้บริการ Google Voice แบบโทรเข้าเท่านั้น หรือ (2) การโทรนำทางผ่านเครือข่ายเสียงของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือของผู้ใช้ เมื่อใช้แป้นโทรศัพท์ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ปลายทาง ในแคนาดาและสถานที่อื่นๆ บางแห่ง เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินของ Google จะต้องแจ้งหมายเลขโทรศัพท์และตำแหน่งที่ผู้แจ้งเหตุฉุกเฉินระบุแก่ PSAP ที่เกี่ยวข้องด้วยวาจา แต่หากผู้โทรแจ้งข้อมูลตำแหน่งแก่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ ระบบจะโอนสายผู้โทรไปยัง PSAP ซึ่งให้บริการในพื้นที่ตามที่อยู่ที่ผู้โทรลงทะเบียนไว้
        3. (ค) การส่งข้อความถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Google Voice อาจไม่รองรับการส่งข้อความถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟีเจอร์ส่งข้อความถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินใดๆ ที่ใช้งานได้ผ่าน Google Voice อาจไม่มีการรองรับในเครือข่าย Wi-Fi
        4. (ง) ภาระหน้าที่ของลูกค้า สืบเนื่องจากข้อ 8.8(ข) (การโทร 2 ทาง) ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบดังต่อไปนี้ (1) ตรวจสอบว่าที่อยู่ที่ลงทะเบียนไว้ใน Google Voice ของผู้ใช้ปลายทางแต่ละรายเป็นที่อยู่จริงในปัจจุบันที่ผู้ใช้ปลายทางจะใช้ Google Voice (การไม่แจ้งที่อยู่ปัจจุบันอาจทำให้มีการติดต่อศูนย์กู้ภัยฉุกเฉินผิดแห่ง และความช่วยเหลือฉุกเฉินที่ส่งถึงผู้ใช้ปลายทางอาจล่าช้า) (2) แจ้งให้ผู้ใช้ปลายทางทราบว่าจะมีการแชร์ที่อยู่จริงของผู้ใช้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์ (3) แจ้งให้ผู้ใช้ปลายทางทราบว่าผู้ใช้ดังกล่าวอาจต้องแจ้งที่อยู่จริงและหมายเลขโทรกลับต่อ PSAP เมื่อติดต่อได้แล้ว (4) ตรวจสอบว่าผู้ใช้ปลายทางมีวิธีอื่นในการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน และ (5) แจ้งให้ผู้ใช้ปลายทางทราบถึงข้อจำกัดของบริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน (ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดและพิมพ์ป้ายคำเตือนเพื่อติดไว้ที่อุปกรณ์ทุกเครื่องที่จะใช้ในการเข้าถึง Google Voice ได้ที่ support.google.com/voice/go/emergency-services)
        5. (จ) การแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน อุปกรณ์อาจไม่ได้รับการแจ้งเตือนฉุกเฉินผ่าน Google Voice หากตั้งไว้ในโหมด Wi-Fi เท่านั้น หรือบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือไม่พร้อมใช้งาน
        6. (ฉ) ข้อจำกัดความรับผิดเกี่ยวกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ทั้ง GTSP และบริษัทในเครือจะไม่มีความรับผิดภายใต้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google (ไม่ว่าจะในสัญญา การละเมิด (รวมถึงความประมาท) หรืออื่นใด) ต่อความเสียหายประเภทใดๆ (รวมถึงความเสียหายโดยตรงและโดยอ้อม) ที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับการใช้หรือพยายามใช้ Google Voice เพื่อเข้าถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงกรณีที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ ความล่าช้าในการตอบสนองของบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน การดำเนินการของศูนย์หรือเจ้าหน้าที่รับแจ้งของบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือความไม่ถูกต้องของข้อมูลที่ให้แก่บริการช่วยเหลือฉุกเฉินโดยผู้ให้บริการโทรศัพท์หรือบุคคลที่สามรายอื่นซึ่ง GTSP หรือบริษัทในเครือว่าจ้างให้อำนวยความสะดวกในการให้บริการเข้าถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
      9. 8.9 การระงับ นอกเหนือจากสิทธิในการระงับที่อธิบายไว้ในข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google แล้ว GTSP สามารถบล็อกสายโทรเข้าและออกหรือข้อความขาเข้าและออกผ่านบริการโทรศัพท์ของ Google ได้หาก GTSP พิจารณาอย่างสมเหตุสมผลแล้วว่าลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางใดๆ ได้ใช้บริการโทรศัพท์ของ Google เพื่อมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ไม่อนุญาตดังต่อไปนี้

        1. (ก) การสร้างหรืออำนวยความสะดวกในการสร้างข้อความโฆษณาที่ไม่พึงประสงค์ หรือ
        2. (ข) การเพิ่มปริมาณการโทรให้สูงเกินจริง (เช่น การเพิ่มปริมาณการรับส่งข้อมูล การประพฤติมิชอบด้านส่วนแบ่งรายได้จากการโทรต่างประเทศ)
      10. 8.10 การสิ้นสุดการใช้งาน Google Voice โดยลูกค้า ข้อ 8.10 นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet นอกเหนือจากสิทธิในการสิ้นสุดอื่นใดแล้ว ลูกค้าสามารถสิ้นสุดการใช้งาน Google Voice ได้ตลอดเวลาโดยการแจ้งให้ GTSP ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ลูกค้าต้องหยุดใช้งาน Google Voice ทันทีที่สิ้นสุดการใช้งาน

      11. 8.11 คำนิยามเพิ่มเติม

        1. "อัตราค่าโทร" คืออัตราค่าโทรปัจจุบันในขณะนั้นที่อธิบายไว้ที่ (1) https://voice.google.com/rates สำหรับ Google Voice และ (2) https://meet.google.com/u/0/tel/rates สำหรับโทรศัพท์ของ Google Meet

        2. "ผู้ใช้ปลายทาง" (1) เพื่อจุดประสงค์ของ Google Voice ผู้ใช้ปลายทางรวมถึงผู้ที่มีโอกาสเป็นผู้ใช้ซึ่งอาจอยู่ ณ สถานที่ตั้งจริงที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อกับ Google Voice และพร้อมใช้งานอยู่ และ (2) เพื่อจุดประสงค์ของ Google Meet ผู้ใช้ปลายทางรวมถึงผู้ที่อาจใช้บริการโทรศัพท์ของ Google Meet เพื่อโทรเข้าหรือโทรออกจากการประชุม Google Meet

        3. "ค่าธรรมเนียม" ในส่วนของ Google Voice ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมซึ่งระบุไว้ที่ https://workspace.google.com/voice

        4. "นิติบุคคล Google Workspace" คือนิติบุคคล Google ที่ลูกค้าทำสัญญาด้วยสำหรับบริการอื่นๆ ของ Google Workspace ตามที่ให้คำนิยามไว้ในข้อตกลง

        5. "จุดรับแจ้งเหตุความช่วยเหลือฉุกเฉิน" หรือ "PSAP" หมายถึงจุดรับแจ้งเหตุความช่วยเหลือฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ ณ สถานที่ตั้งที่ลงทะเบียนของผู้ใช้ปลายทาง

        6. "ข้อกำหนดในภูมิภาค" หมายถึงข้อกำหนดซึ่งอธิบายไว้ที่ https://workspace.google.com/terms/service-terms/voice/regional_terms.html

        7. "ผู้ให้บริการโทรศัพท์" มีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อ 8.2(ข) (ผู้ให้บริการโทรศัพท์) ของข้อกำหนดเฉพาะของบริการเหล่านี้

        8. "รายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการ" หมายถึงรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการปัจจุบันในขณะนั้นซึ่งแสดงอยู่ที่ (1) https://workspace.google.com/terms/service-terms/voice/providers.html สำหรับ Google Voice และ (2) https://workspace.google.com/terms/service-terms/meet-telephony/providers.html สำหรับโทรศัพท์ของ Google Meet

        *หากเอกสารออฟไลน์กล่าวถึง "ผู้ให้บริการ Google Voice" หรือ "GVSP" จะถือว่าเป็นการกล่าวถึง "ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google" หรือ "GTSP" ตามที่ใช้ในข้อกำหนดเฉพาะของบริการเหล่านี้และข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google

  1. 9. Google SIP Link Google SIP Link พร้อมให้บริการในประเทศที่มี Google Voice ให้บริการ (ตามที่อธิบายไว้ใน https://support.google.com/a/answer/9206529 หรือ URL ที่อาจมีการปรับปรุงหลังจากนี้) และในประเทศที่ระบุไว้ใน https://support.google.com/a?p=sipcountries (หรือ URL ที่อาจมีการปรับปรุงหลังจากนี้) ลูกค้าสามารถใช้ Google SIP Link เพื่อโทรออกผ่าน Google Voice ได้โดยใช้ผู้ผสานการทำงานระบบ ผู้ให้บริการ หรือพาร์ทเนอร์รายอื่นที่ให้บริการการโทรแก่ลูกค้าโดยไม่ขึ้นกับ Google Voice ("ผู้ให้บริการ SIP") แม้ว่าลูกค้าจะไม่ได้ซื้อ Google Voice ก็ตาม ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลกับการใช้งาน Google SIP Link ของลูกค้า

    1. (ก) การโอนหมายเลขโทรศัพท์ไปยังผู้ให้บริการ SIP ของลูกค้าต้องได้รับการดำเนินการโดยผู้ให้บริการ SIP
    2. (ข) ลูกค้ารับทราบและยอมรับว่า Google สามารถโทรหาลูกค้าเพื่อตรวจสอบการกำหนดค่า Trunk หรือยืนยันความเป็นเจ้าของหมายเลขของลูกค้า ซึ่งลูกค้ายินยอมที่จะรับสายดังกล่าว รวมทั้งสายจากระบบอัตโนมัติ
    3. (ค) ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบว่าทุกสายที่ผู้ใช้ Google SIP Link โทรไปยังบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจะถูกส่งผ่านผู้ให้บริการ SIP นอกจากนี้ ลูกค้าต้องคอยอัปเดตตำแหน่งหรือที่อยู่ของสายเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านผู้ให้บริการ SIP
    4. (ง) เพื่อความชัดเจน ขอแจ้งว่าผู้ให้บริการ SIP ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลย่อย (ตามที่ให้คำนิยามไว้ในเอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์)
  1. 10. Google ไดรฟ์ ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับไดรฟ์เท่านั้น

    1. 10.1 การใช้ Google ไดรฟ์เพื่อเผยแพร่เนื้อหา Google ไดรฟ์ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ใช้เป็นเครือข่ายเผยแพร่เนื้อหาและ Google สามารถจำกัดการใช้และเข้าถึง Google ไดรฟ์ได้ หาก Google พิจารณาตามที่เห็นสมควรอย่างสมเหตุสมผลแล้ว และตัดสินว่ามีการใช้ Google ไดรฟ์โดยละเมิดนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ (AUP) หรือเพื่อเผยแพร่เนื้อหา รวมถึงวิดีโอต่างๆ ที่ละเมิด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีจำนวนมาก วิดีโอใดๆ ที่โฮสต์โดย Google ไดรฟ์ ซึ่งแชร์ต่อสาธารณะภายนอกโดเมนของลูกค้าต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของชุมชน YouTube (อ่านได้ที่ https://www.youtube.com/howyoutubeworks/policies/community-guidelines/ หรือ URL ที่อาจมีการปรับปรุงหลังจากนี้)

  1. 11. การวิจัยประสบการณ์ของผู้ใช้ หากลูกค้าลงทะเบียนในโครงการวิจัยประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Cloud สำหรับ Google Workspace การเข้าร่วมของลูกค้าจะขึ้นอยู่กับเอกสารแนบท้ายของคณะผู้เข้าร่วมการวิจัยประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Cloud ซึ่งอ่านได้ที่ https://cloud.google.com/terms/user-experience-research

  1. 12. การเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ Google จะไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อบริการจัดการคีย์การเข้ารหัสภายนอกที่ลูกค้าเลือก ลูกค้าจะรับผิดชอบสำหรับบริการนั้นแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งรวมถึงคีย์การเข้ารหัสทั้งหมดที่บริการจัดการคีย์ดังกล่าวสร้างเพื่อใช้กับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ Google จะไม่สามารถกู้คืนคีย์การเข้ารหัสหรือข้อมูลลูกค้าใดๆ ที่เข้ารหัสโดยคีย์การเข้ารหัสนั้นได้ หากคีย์การเข้ารหัสสูญหาย ถูกขโมย หรือเสียหาย โดยไม่คำนึงถึงข้อกำหนดใดๆ ที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่นใน CDPA การเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์จะไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมดสำหรับบริการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากบริการการจัดการคีย์ภายนอกหยุดชะงักหรือไม่สามารถเข้าถึงได้

  1. 13. ข้อกำหนดในภูมิภาค

    1. 13.1 ญี่ปุ่น หากที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงินของลูกค้าอยู่ที่ญี่ปุ่น Google Connect Asia Pacific Pte. Ltd. ("GCAP") จะเป็นผู้ให้บริการ Gmail, Chat และ Meet แม้ว่า Google Asia Pacific Pte. Ltd. จะยังคงเป็นผู้ส่งใบแจ้งหนี้ให้ โดย Google Asia Pacific Pte. Ltd. เป็นตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องของ GCAP และทำสัญญาในนามของ GCAP ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้น

    2. 13.2 ฝรั่งเศส ลูกค้าจะปฏิบัติตามข้อกำหนด General Security Policy for Health Information Systems (PGSSI-S) ของฝรั่งเศสในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง

ฉบับก่อนหน้า

31 ตุลาคม 2022

11 ตุลาคม 2022

22 กันยายน 2022

19 กันยายน 2022

7 กรกฎาคม 2022

31 มีนาคม 2022

15 มีนาคม 2022

1 กุมภาพันธ์ 2022

30 กันยายน 2021

3 มิถุนายน 2021

14 เมษายน 2021

21 ธันวาคม 2020

6 ตุลาคม 2020