AI สำหรับการบัญชี

การใช้ AI ในการทำงานบัญชีสามารถช่วยให้กระบวนการด้านการตรวจสอบ การทำบัญชี และงานอื่นๆ ที่น่าเบื่อหน่ายและซับซ้อนเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยการใช้ Generative AI เพื่อปรับส่วนของกระบวนการบัญชีที่ทำซ้ำได้ให้เป็นระบบอัตโนมัติสามารถช่วยประหยัดเวลาและลดข้อผิดพลาดจากผู้ปฏิบัติงานได้ นอกจากนี้ นักบัญชียังสามารถใช้ AI เพื่อช่วยตรวจสอบข้อมูลโดยใช้ประโยชน์จากความสามารถในการตรวจจับรูปแบบ

ตัวอย่างโซลูชัน AI สำหรับการบัญชี

นักบัญชีสามารถใช้ประโยชน์จากความสามารถของ Generative AI ได้หลากหลายวิธี ซึ่งช่วยประหยัดเวลาในการทำงานด้านการดูแลระบบ และนำข้อมูลเชิงลึกมาวิเคราะห์ต่อได้อย่างรวดเร็ว นักบัญชีสามารถใช้ AI เพื่อเพิ่มความรวดเร็วให้เวิร์กโฟลว์ได้ด้วย 2-3 วิธีต่อไปนี้

• ปรับให้งานที่ต้องทำซ้ำๆ เป็นแบบอัตโนมัติ: ใช้ Generative AI เพื่อทำให้ส่วนที่ทำซ้ำได้ของกระบวนการบัญชีเป็นแบบอัตโนมัติ เช่น การป้อนข้อมูลจากใบแจ้งหนี้และใบเสร็จที่ลงรายการไว้ การปรับยอดรายการเคลื่อนไหวของบัญชีธนาคาร และการกำหนดรหัสบัญชีแยกประเภททั่วไป (GLC) เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดป้ายกำกับข้อมูล

• ความแม่นยำของข้อมูลที่เพิ่มขึ้น: โซลูชันที่ทำงานด้วยระบบ AI สามารถช่วยลดความเสี่ยงที่ผู้ปฏิบัติงานจะป้อนข้อมูลผิดพลาดได้ ซึ่งทำให้ข้อมูลมีความแม่นยำและเชื่อถือได้มากขึ้นสำหรับวัตถุประสงค์ด้านการทำบัญชี

• การตรวจจับรูปแบบ: AI และโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) สามารถวิเคราะห์ข้อมูลปริมาณมหาศาลได้ จึงช่วยให้นักบัญชีระบุรูปแบบและแนวโน้มของธุรกรรมได้ง่ายขึ้น

• ปรับปรุงการให้บริการของฝ่ายบริการลูกค้า: แชทบ็อตที่ทำงานด้วยระบบ AI สามารถช่วยสร้างเอกสารเพื่อตอบคำถามด้านภาษีและการเงินที่พบบ่อยได้

• การประมวลผลและแยกประเภทเอกสาร: ใช้ AI เพื่อประมวลผลเอกสารอัตโนมัติ จัดหมวดหมู่เอกสารตามประเภท และดึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องออกมาเพื่อให้เวิร์กโฟลว์การทำบัญชีมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น