คู่มือการเขียนพรอมต์ 101
คู่มือเริ่มต้นฉบับย่อสำหรับการเขียนพรอมต์ให้มีประสิทธิภาพ
วิธีเขียนพรอมต์ที่มีประสิทธิภาพ
Gemini เป็นผู้ช่วยที่ทำงานด้วยระบบ AI จาก Google ซึ่งอยู่ใน Gmail, เอกสาร, ชีต และอีกมากมาย พร้อมการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวระดับองค์กร Gemini สามารถช่วยคุณเขียน จัดระเบียบข้อมูล สร้างรูปภาพ เพิ่มความรวดเร็วให้กับเวิร์กโฟลว์ และ
คุณต้องเขียนพรอมต์ที่มีประสิทธิภาพเพื่อให้ใช้งาน Gemini ได้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งคุณทำได้แม้จะไม่ได้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านพรอมต์ก็ตาม การเขียนพรอมต์เป็นทักษะที่เราทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ โดยคุณอาจต้องลองใช้วิธีต่างๆ หลายวิธีในการเขียนพรอมต์หากยังไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่ต้องการ
คุณจะมองว่าพรอมต์เป็นเหมือนการเริ่มต้นบทสนทนากับผู้ช่วยที่ทำงานด้วยระบบ AI ก็ได้ ซึ่งคุณอาจเขียนพรอมต์อีกหลายรายการในขณะที่บทสนทนาดำเนินไป
การเขียนพรอมต์ให้มีประสิทธิภาพนั้นมี 4 ส่วนหลักๆ ที่ต้องพิจารณา ได้แก่
-
ลักษณะตัวตน
-
งาน
-
บริบท
-
รูปแบบ
ตัวอย่างพรอมต์ที่ประกอบด้วยทั้ง 4 ส่วนซึ่งสามารถทำงานได้ดีใน Gmail และ Google เอกสารมีดังนี้
-
คำอธิบาย
-
ลักษณะตัวตน
-
งาน
-
บริบท
-
รูปแบบ
คุณไม่จำเป็นต้องใช้ทั้ง 4 ส่วนในทุกๆ พรอมต์ การใช้เพียงบางส่วนก็จะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่ต้องการเช่นกัน
ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับสั้นๆ ที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งาน Gemini สำหรับ Google Workspace
-
ใช้ภาษาที่เป็นธรรมชาติ เขียนเหมือนกับว่าคุณกำลังพูดคุยกับบุคคลอื่น โดยแสดงความคิดทั้งหมดออกมาเป็นประโยคที่สมบูรณ์
-
เขียนให้เจาะจงและเน้นย้ำชัดเจน บอกสิ่งที่คุณต้องการให้ Gemini ทำ (สรุป เขียน เปลี่ยนโทนของเนื้อหา สร้าง) พยายามระบุบริบทให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
-
เขียนให้กระชับไม่ซับซ้อน ระบุคำขอของคุณด้วยประโยคสั้นๆ แต่เฉพาะเจาะจง และหลีกเลี่ยงการใช้ศัพท์เฉพาะ
-
เขียนให้เป็นบทสนทนา ปรับพรอมต์ของคุณหากผลลัพธ์ไม่ตรงตามความคาดหวังหรือหากเชื่อว่ายังมีผลลัพธ์ที่ดีกว่านี้ โดยใช้พรอมต์ติดตามผลต่อและใช้วิธีการตรวจสอบและปรับแต่งซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น
-
ใช้เอกสารของคุณเอง ปรับแต่งผลลัพธ์ของ Gemini ด้วยข้อมูลจากไฟล์ของคุณใน Google ไดรฟ์
-
ใช้ Gemini เป็นเครื่องมือแก้ไขพรอมต์ เมื่อใช้แอป Gemini ให้เริ่มเขียนพรอมต์ของคุณว่า "เปลี่ยนพรอมต์นี้ให้เป็นพรอมต์ที่มีประสิทธิภาพ: [ป้อนข้อความพรอมต์เดิมที่นี่]" แล้ว Gemini จะเสนอแนะวิธีปรับปรุงพรอมต์ให้คุณ จากนั้นตรวจสอบว่าพรอมต์มีสิ่งที่คุณต้องการแล้ว จากนั้นวางกลับลงใน Gemini Advanced เพื่อรับผลลัพธ์
คุณสามารถทำงานร่วมกับ AI โดยใช้ Gemini สำหรับ Workspace เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและความคิดสร้างสรรค์ได้ไปพร้อมๆ กับรักษา
Generative AI และความสามารถที่ทำได้ทั้งหมดนั้นเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น แต่ก็ยังคงเป็นเรื่องใหม่อยู่ แม้ว่าโมเดลของเราจะทำงานได้ดีขึ้นในทุกๆ วัน แต่บางครั้งพรอมต์ก็อาจให้คำตอบที่คาดเดาไม่ได้ ดังนั้นก่อนจะนำผลลัพธ์จาก Gemini สำหรับ Workspace ไปใช้จริง โปรดตรวจสอบเพื่อให้แน่ใจว่าผลลัพธ์มีความชัดเจน ความเกี่ยวข้อง และความแม่นยำ และแน่นอนว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ Generative AI ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อเป็นตัวช่วยให้มนุษย์ แต่ท้ายสุดแล้วพวกคุณเป็นผู้เลือกใช้งานผลลัพธ์ พรอมต์ตัวอย่างมีไว้เพื่อวัตถุประสงค์ในการอธิบายการใช้งานเท่านั้น
วิธีใช้คู่มือการเขียนพรอมต์นี้
คู่มือนี้จะให้คำแนะนำในการเขียนพรอมต์ด้วย Gemini สำหรับ Workspace โดยมีตัวอย่างการออกแบบพรอมต์ที่ระบุรายละเอียดชัดเจนเพื่อช่วยให้คุณเริ่มต้นใช้งาน ทั้งยังครอบคลุมถึงสถานการณ์ต่างๆ สำหรับลักษณะตัวตน กรณีการใช้งาน และพรอมต์ที่เป็นไปได้ ซึ่งล้วนแตกต่างกันออกไป
คุณจะเห็นได้ถึงรูปแบบพรอมต์ที่หลากหลาย พรอมต์บางรายการจะมีวงเล็บซึ่งบ่งชี้ให้คุณกรอกรายละเอียดเฉพาะเจาะจงหรือแท็กไฟล์ส่วนตัวของคุณโดยพิมพ์ @ชื่อไฟล์ ส่วนพรอมต์อื่นๆ จะนำเสนอแบบไม่ได้ไฮไลต์ตัวแปรเพื่อแสดงให้เห็นว่าพรอมต์ทั้งประโยคควรมีลักษณะอย่างไร พรอมต์ทุกรายการในคู่มือนี้มีไว้เพื่อจุดประกายความคิดให้กับคุณ แต่ท้ายที่สุดแล้วคุณจะต้องปรับแต่งพรอมต์เหล่านี้เพื่อนำไปช่วยในการทำงานเฉพาะของคุณเอง
คุณจะเริ่มต้นได้โดยใช้พรอมต์ที่แนะนำเฉพาะบทบาทเป็นตัวจุดประกายความคิดเพื่อช่วยปลดล็อกวิธีในการทำงานใหม่ๆ ที่มีประสิทธิภาพ
ขั้นตอนถัดไปให้ดูวิธีที่คุณสามารถเริ่มต้นใช้งานฟีเจอร์ต่างๆ โดยไปที่
Gemini at Work
สำรวจแหล่งข้อมูลที่คัดสรรมาเพื่อคุณ ไม่ว่าจะเป็นคู่มือการใช้พรอมต์ เรื่องราวจากลูกค้า หรืออีกมากมาย ที่จะช่วยให้คุณใช้งาน Gemini สำหรับ Google Workspace ได้เกิดประโยชน์สูงสุด