ข้อกำหนดเฉพาะของบริการ Google Workspace
แก้ไขล่าสุด: 15 ตุลาคม 2024
-
หากต้องการดูข้อกำหนดเฉพาะของบริการในฉบับแปลเป็นภาษาอื่นๆ โปรดคลิก
ที่นี่ -
คำสำคัญที่ไม่ได้นิยามไว้ในข้อกำหนดเฉพาะของบริการสำหรับ Google Workspace (เดิมเรียกว่า G Suite) จะมีความหมายตามที่ระบุไว้ในกำหนดเวลาบริการ Google Workspace ของข้อตกลงหลัก Google Cloud, ข้อตกลง Google Workspace for Education หรือข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องซึ่งควบคุมการใช้บริการ Google Workspace (ในแต่ละกรณีเรียกว่า "ข้อตกลง")
-
1. เขตข้อมูล
-
1.1 พื้นที่เก็บข้อมูลหลัก ตามส่วนที่ 1.2 (พื้นที่เก็บข้อมูลหลักของ AppSheet) หากลูกค้าใช้บริการรุ่นที่มีคุณสมบัติอยู่ ลูกค้าสามารถเลือกเขตข้อมูลในการจัดเก็บข้อมูลที่ระบุตำแหน่งซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหว และ Google จะจัดเก็บข้อมูลที่ระบุตำแหน่งดังกล่าวตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ ("นโยบายเขตข้อมูล")
-
1.2 พื้นที่เก็บข้อมูลหลักของ AppSheet นโยบายเขตข้อมูลจะมีผลบังคับใช้กับ AppSheet เท่านั้น (แม้ว่าจะรวมอยู่ในบริการรุ่นที่มีคุณสมบัติ) ในกรณีที่ (ก) ลูกค้าใช้ AppSheet รุ่นที่มีคุณสมบัติ และ (ข) ผู้ใช้ปลายทางเลือกที่จะให้จัดเก็บข้อมูลที่ระบุตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงในเขตข้อมูล
-
1.3 ข้อจำกัด ในกรณีข้อมูลลูกค้าที่นโยบายเขตข้อมูลไม่ครอบคลุม Google อาจจัดเก็บข้อมูลดังกล่าวไว้ที่ใดก็ได้ที่ Google หรือผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยเป็นผู้ดูแลสถานที่จัดเก็บข้อมูล โดยขึ้นอยู่กับเอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์
-
1.4 คำนิยาม
-
"ข้อมูลที่ระบุตำแหน่ง" หมายถึงข้อมูลหลักต่อไปนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลลูกค้าสำหรับบริการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น
-
(ก) Gmail: บรรทัดเรื่องและเนื้อหาของอีเมล ไฟล์แนบ รวมทั้งผู้ส่งและผู้รับข้อความ
(ข) Google ปฏิทิน: ชื่อและรายละเอียดกิจกรรม วันที่ เวลา ผู้ได้รับเชิญ ความถี่ และสถานที่
(ค) Google เอกสาร, Google ชีต และ Google สไลด์: ข้อความในไฟล์ รูปภาพที่ฝัง และความคิดเห็นซึ่งผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องสร้างขึ้น
(ง) Google ไดรฟ์: เนื้อหาไฟล์ต้นฉบับที่อัปโหลดไปยังไดรฟ์
(จ) Google Chat: ข้อความและไฟล์แนบ
(ฉ) Google ห้องนิรภัย: ข้อมูลส่งออกจากห้องนิรภัย
(ช) AppSheet: คำจำกัดความของแอป การกำหนดค่าแหล่งข้อมูลและโทเค็นเพื่อการเข้าถึง และข้อมูลลูกค้าในฐานข้อมูล AppSheet
-
-
"เขตข้อมูล" หมายถึง:
-
(ก) สหรัฐอเมริกาหรือยุโรป อย่างใดอย่างหนึ่ง ยกเว้นในกรณีที่เกี่ยวข้องกับ AppSheet หรือ
(ข) ยุโรป ในกรณีที่เกี่ยวข้องกับ AppSheet
-
-
"รุ่นที่มีคุณสมบัติ" หมายถึงรุ่นต่อไปนี้
-
(ก) G Suite Business
(ข) Google Workspace Enterprise Plus
(ค) Google Workspace for Education Standard
(ง) Google Workspace for Education Plus
-
-
-
-
2. Google ห้องนิรภัย ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ Google ห้องนิรภัยเท่านั้น
-
2.1 การเก็บรักษา Google ไม่มีภาระหน้าที่ในการเก็บรักษาข้อมูลลูกค้าที่เก็บไว้นานกว่าระยะเวลาเก็บรักษาที่ลูกค้าระบุหรือระยะคำสั่งซื้อซึ่งมีผลกับใบอนุญาต Google ห้องนิรภัยที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่ในกรณีต่อไปนี้: (ก) ก่อนสิ้นสุดระยะเวลาเก็บรักษา ลูกค้าได้ขยายระยะเวลาเก็บรักษาหรือต่ออายุระยะคำสั่งซื้อที่เกี่ยวข้อง (ข) กระบวนการทางกฎหมายหรือนิติบัญญัติที่เกี่ยวข้องป้องกันไม่ให้ Google ลบข้อมูลดังกล่าว หรือ (ค) ข้อมูลนี้อยู่ภายใต้การเก็บรักษาระหว่างดำเนินคดีซึ่งเรียกร้องโดยลูกค้า
-
-
3. Google Workspace Essentials ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับรุ่น Google Workspace Essentials และ/หรือ Google Workspace Essentials Starter เท่านั้น ตามที่ระบุไว้ดังนี้
-
3.1 การสิ้นสุดเนื่องจากไม่มีการใช้งานหรือตามความต้องการ หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials Starter โปรดทราบว่า Google ขอสงวนสิทธิ์ในการสิ้นสุดการให้บริการรุ่น Google Workspace Essentials Starter
-
(ก) หากไม่มีการเข้าถึงคอนโซลผู้ดูแลระบบหรือการใช้บริการโดยลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางใดๆ เป็นเวลา 60 วันติดต่อกันก่อนวันที่แจ้ง โดยจะแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วัน หรือ
(ข) ตามต้องการ โดยจะแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 90 วัน
-
-
3.2 บริการสนับสนุนด้านเทคนิค TSS ไม่มีให้บริการสำหรับรุ่น Google Workspace Essentials Starter
-
3.3 คำนิยามเพิ่มเติม
-
"ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่" หมายถึงผู้ใช้ปลายทางของรุ่น Google Workspace Essentials ซึ่ง (ก) จัดหรือเข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอใน Google Meet อย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงเดือนตามปฏิทิน หรือ (ข) เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์อย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงเดือนตามปฏิทิน
-
-
-
4. Cloud Search ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ Cloud Search เท่านั้น
-
4.1 แหล่งข้อมูลจากบุคคลที่สาม การที่ลูกค้าใช้งานแหล่งข้อมูลจากบุคคลที่สามร่วมกับ Cloud Search Platform จะขึ้นอยู่กับและอยู่ในบังคับของข้อกำหนดและเงื่อนไขที่ทำขึ้นระหว่างลูกค้าและผู้ให้บริการแหล่งข้อมูลนั้นๆ ระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบต่อข้อกำหนดและเงื่อนไขแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงอนุญาตให้ Google เข้าถึงและใช้แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเมื่อให้บริการ Cloud Search Platform
-
-
5. บริการ Cloud Identity ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับบริการ Cloud Identity ที่ให้บริการภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้เท่านั้น
-
5.1 ข้อตกลงที่บังคับใช้ นอกเหนือจากข้อตกลงฉบับนี้ หากการใช้งานบริการ Cloud Identity ของลูกค้าภายใต้บัญชีดังกล่าวอยู่ภายใต้ข้อตกลง Google Cloud Platform ("ข้อตกลง GCP") และ/หรือข้อกำหนดใน
https://cloud.google.com/terms/identity ("ข้อกำหนดในการให้บริการของ Cloud Identity") เอกสารจะมีผลบังคับตามลำดับต่อไปนี้ (โดยมีลำดับความสำคัญจากมากไปน้อย): (ก) ข้อตกลงฉบับนี้, (ข) ข้อตกลง GCP หรือ (ค) ข้อกำหนดในการให้บริการของ Cloud Identity ซึ่งข้อกำหนดในส่วนนี้จะมีผลต่อไปหลังจากการหมดอายุหรือการสิ้นสุดข้อตกลง -
5.2 คำนิยามเพิ่มเติม
-
"Google Cloud Platform" หมายถึงบริการปัจจุบันในขณะนั้นตามที่อธิบายไว้ใน
https://cloud.google.com/terms/services
-
-
-
6. ข้อกำหนดเกี่ยวกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป Google จะให้บริการฟีเจอร์ บริการ หรือซอฟต์แวร์ของ Google Workspace ก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปแก่ลูกค้าโดยระบุว่าเป็นเวอร์ชัน "ทดลองใช้ก่อนเปิดตัว" "อัลฟ่า" "เบต้า" "ตัวอย่าง" "ทดลอง" หรือชื่อระบุที่คล้ายกันในข้อมูลสรุปของบริการ เอกสารประกอบหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง หรือใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบ (ตามที่ให้คำนิยามไว้ด้านล่าง) (เรียกรวมกันว่า "ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป") แม้ว่าข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ใช่บริการ แต่การใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปของลูกค้าจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับบริการตามที่มีการแก้ไขในส่วนที่ 6 นี้
-
6.1 การเข้าถึงและการใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป
-
(ก) ใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบ ลูกค้าสามารถสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบสำหรับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปได้โดยการส่งใบสมัครที่มีให้ผ่านคอนโซลผู้ดูแลระบบหรือจาก Google ("ใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบ") หากลูกค้าได้รับการยอมรับให้เป็นผู้ใช้ทดสอบแล้ว (อิงตามข้อกำหนดระดับโดเมนในปัจจุบัน ณ ขณะนั้นของ Google สำหรับผู้ใช้ทดสอบ) Google จะอนุญาตให้ลูกค้าใช้งานข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปดังกล่าวโดยเป็นไปตามข้อกำหนดของส่วนที่ 6 นี้ ข้อกำหนดเพิ่มเติม ("ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการทดสอบ") อาจมีผลกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปดังกล่าว และ Google จะแจ้งแก่ผู้ใช้ผ่านใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบหรือระบุเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนที่ลูกค้าจะใช้งาน (หากมี) ใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบและข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการทดสอบจะรวมอยู่ในส่วนที่ 6 นี้
-
(ข) การใช้ข้อมูลการทดสอบของลูกค้า Google สามารถ และลูกค้าต้อง (รวมถึงโดยการรวบรวมหรือให้ความยินยอมหรือการแจ้งเตือนที่จำเป็น) จัดแจงให้ Google สามารถใช้ข้อมูลลูกค้า (ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า) ที่ส่ง จัดเก็บ ให้ หรือได้รับผ่านข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปใดๆ จากลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางได้ ("ข้อมูลการทดสอบของลูกค้า") โดยขึ้นอยู่กับส่วนที่ 6(ง) (ข้อจำกัดในการใช้งานของลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล) และส่วนที่ 6(จ) (ข้อจำกัดในการใช้งานของข้อมูลสุขภาพที่ได้รับการคุ้มครอง) ด้านล่างนี้ เพื่อให้ ทดสอบ วิเคราะห์ พัฒนา และปรับปรุงข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเหล่านั้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ของ Google ที่ใช้ร่วมกันโดยไม่มีข้อจำกัดหรือภาระหน้าที่ต่อลูกค้า ผู้ใช้ปลายทาง หรือบุคคลที่สามรายใดๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในบทบัญญัติด้านการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับของข้อตกลงนี้และตามที่ระบุไว้ด้านล่าง
-
หากลูกค้ายอมรับหรือทุกฝ่ายตกลงในข้อกำหนดของ Google ปัจจุบันในขณะนั้นซึ่งอธิบายภาระหน้าที่ด้านการคุ้มครองและการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลลูกค้าตามที่ระบุไว้ที่
https://cloud.google.com/terms/data-processing-addendum ("เอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์" หรือ "CDPA") CDPA จะมีผลกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในฐานะ "บริการ" เพื่อวัตถุประสงค์ของ CDPA นี้ และเพื่อความชัดเจน ส่วนที่ 6 นี้จะประกอบขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของ "ข้อตกลง" ตามที่อ้างอิงถึงในส่วนที่ 5.2 (การปฏิบัติตามคำสั่งของลูกค้า) ของ CDPA โดยขึ้นอยู่กับการแก้ไขเพิ่มเติมต่อไปนี้-
(1) ลูกค้ารับทราบว่า เพื่อวัตถุประสงค์ของส่วนที่ 6.1 (การลบโดยลูกค้า) ของ CDPA นี้และภายในขอบเขตซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ฟังก์ชันของข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่อนุญาตให้ลบข้อมูลการทดสอบของลูกค้าในช่วงเวลาที่ลูกค้าได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ("อายุของข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป") แต่เราจะลบข้อมูลการทดสอบของลูกค้าดังกล่าวเมื่อสิ้นสุดอายุข้อเสนอตามส่วนที่ 6.2 (การส่งคืนหรือการลบเมื่อสิ้นสุดข้อเสนอ) ของ CDPA
-
(2) หากไม่ได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่นในข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการทดสอบ (ก) ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประมวลผลข้อมูลย่อย (ตามที่นิยามไว้ใน CDPA) ที่มีส่วนร่วมโดยเกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งรวมถึงข้อมูลฟังก์ชันและตำแหน่งที่ตั้ง จะจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษรโดย Google ตามคำขอจากลูกค้า และ (ข) Google จะแจ้งให้ลูกค้าทราบเรื่องการมีส่วนร่วมในระหว่างอายุข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปของผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยรายใหม่ซึ่งเป็นบุคคลที่สามที่ Google มีส่วนร่วมและเกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป (รวมถึงชื่อและตำแหน่งที่ตั้งของผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยและกิจกรรมต่างๆ) โดยการส่งอีเมลแจ้งเตือนก่อนที่ผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยจะเริ่มประมวลผลข้อมูลการทดสอบของลูกค้า ลูกค้าอาจงดเว้นการใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่เกี่ยวข้องในฐานะวิธีการเยียวยาเพียงวิธีเดียวสำหรับลูกค้า หากลูกค้าไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมของผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยรายดังกล่าว
-
-
(ค) ไม่มีการระบุตำแหน่งข้อมูลหรือความโปร่งใสในการเข้าถึง ข้อมูลการทดสอบของลูกค้าที่ประมวลผลภายใต้ส่วนที่ 6 นี้จะไม่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดด้านตำแหน่งข้อมูล (ตามที่อธิบายไว้ในส่วนที่ 1 (เขตข้อมูล) ของข้อกำหนดเฉพาะของบริการเหล่านี้) หรือความโปร่งใสในการเข้าถึงใดๆ (ตามที่อธิบายไว้ใน
https://support.google.com/a/answer/9230474 ) -
(ง) ข้อจำกัดในการใช้งานของลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล หากไม่มีการให้สิทธิเป็นลายลักษณ์อักษรจาก Google ลูกค้ากลุ่มต่อไปนี้จะใช้ข้อมูลการทดสอบหรือข้อมูลการทดลองกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปได้เท่านั้น และจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อมูล "แบบเรียลไทม์" หรือข้อมูลเวอร์ชันใช้งานจริงซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป: ลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาลในสหรัฐฯ หรือประเทศอื่นๆ ซึ่งรวมถึงรัฐบาลกลาง รัฐบาลในระดับประเทศ รัฐ จังหวัด หรือท้องถิ่น หรือนิติบุคคลหรือหน่วยงานกำกับดูแลกฎหมาย ทั้งนี้ ยกเว้นลูกค้าที่เป็นสถาบันการศึกษา
-
(จ) ข้อจำกัดในการใช้งานของข้อมูลสุขภาพที่ได้รับการคุ้มครอง ลูกค้าอาจไม่มีสิทธิใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเพื่อประมวลผลข้อมูลสุขภาพที่ได้รับการคุ้มครองตามที่นิยามไว้ใน HIPAA
-
-
6.2 การเปลี่ยนแปลง การระงับ หรือการปิดให้บริการ ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป (รวมถึงฟีเจอร์ใดๆ ก็ตามในข้อเสนอนี้) อาจมีการเปลี่ยนแปลง ถูกระงับ หรือปิดให้บริการได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า
-
6.3 ข้อจำกัดความรับผิด ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะพร้อมใช้งาน "ตามที่มีอยู่" โดยไม่มีการรับประกันหรือรับรองอย่างชัดเจนหรือโดยนัยในรูปแบบใดๆ และไม่ได้รับความคุ้มครองโดย SLA หรือการชดใช้ค่าสินไหมทดแทนโดย Google เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอย่างอื่นในข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการทดสอบสำหรับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะไม่อยู่ภายใต้ความคุ้มครองของ TSS
-
6.4 ความรับผิด Google จะไม่รับผิดต่อจำนวนเงินที่เกินกว่า (ก) ขีดจำกัดของจำนวนเงินสำหรับการรับผิดที่ระบุไว้ในข้อตกลง หรือ (ข) $25,000 ไม่มีสิ่งใดในประโยคที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ที่จะมีผลต่อข้อยกเว้นจากข้อจำกัดความรับผิดใดๆ ในข้อตกลงที่เกี่ยวกับเรื่องต่อไปนี้ (1) การเสียชีวิตหรือการบาดเจ็บเสียหายต่อบุคคลอันเกิดจากความประมาท (2) การประพฤติมิชอบหรือการสื่อให้เข้าใจผิดอันเป็นการฉ้อโกง (3) การละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของอีกฝ่ายหนึ่ง หรือ (4) สิ่งที่ไม่สามารถละเว้นหรือจำกัดความรับผิดได้ภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง
-
6.5 การสิ้นสุด Google อาจสิ้นสุดการใช้งานข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปของลูกค้าได้ทุกเมื่อโดยจะแจ้งลูกค้าเป็นลายลักษณ์อักษร รวมถึงเพื่อให้ลูกค้ารายอื่นสามารถใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปดังกล่าวนี้ได้
-
-
7. การยืนยันโดยใช้อีเมลของโดเมน ข้อกำหนดเพิ่มเติมต่อไปนี้จะมีผลบังคับใช้เฉพาะเมื่อมีการยืนยันอีเมลของโดเมน (แทนที่จะเป็นชื่อโดเมน) เพื่อใช้บริการเท่านั้น
-
7.1 การเชิญผู้ใช้ปลายทาง ลูกค้าอาจเชิญผู้ใช้รายอื่นๆ ที่มีอีเมลของโดเมนให้ใช้บริการนี้ได้ หากผู้ใช้เหล่านั้นยอมรับคำเชิญของลูกค้าเพื่อใช้บริการดังกล่าว เราจะถือว่าเป็นผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าซึ่งอยู่ภายใต้ข้อตกลงนี้
-
7.2 การยืนยันชื่อโดเมน
-
(ก) การเข้าควบคุมโดยฝ่ายที่ทำการยืนยัน บุคคลหรือนิติบุคคลใดๆ จะยืนยันชื่อโดเมนที่เกี่ยวข้องกับอีเมลของโดเมนนี้ได้ทุกเมื่อ ("ฝ่ายที่ทำการยืนยัน") ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องกับชื่อโดเมนและข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องในบัญชีผู้ใช้ปลายทางเหล่านั้นโดยทันทีหลังจากยืนยันชื่อโดเมน ลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางทั้งหมดจะได้รับแจ้งเมื่อชื่อโดเมนได้รับการยืนยันแล้ว
-
(ข) การดูแลระบบหลังจากการยืนยันชื่อโดเมน ฝ่ายที่ตรวจสอบจะมีสิทธิบางอย่างที่เกี่ยวกับบัญชีของลูกค้าและบัญชีผู้ใช้ปลายทางดังกล่าวทั้งหมด ตามที่อธิบายไว้ในเอกสาร
-
-
7.3 การลบข้อมูล ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าจะมีสิทธิลบหรือส่งออกข้อมูลลูกค้าและ/หรือลบบัญชีผู้ใช้ปลายทางของตนเองได้ในลักษณะที่สอดคล้องกับฟังก์ชันของบริการได้ทุกเมื่อก่อนที่ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (รวมถึงบัญชีของลูกค้า) หลังจากฝ่ายที่ทำการยืนยันเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว (รวมถึงบัญชีของลูกค้า) ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าอาจลบบัญชีผู้ใช้ปลายทางไม่ได้ หรืออาจลบหรือส่งออกข้อมูลลูกค้าไม่ได้ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับการดูแลระบบของบริการเหล่านั้น โดยไม่คำนึงถึงข้อกำหนดใดๆ ที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่นในเอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์
-
7.4 วิธีการประมวลผลข้อมูล หากลูกค้าไม่มีการดำเนินการใดๆ ในการลบหรือส่งออกข้อมูลลูกค้าก่อนที่ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (ซึ่งรวมถึงบัญชีของลูกค้า) จะถือว่าลูกค้ารับทราบว่าข้อกำหนดเฉพาะของบริการเหล่านี้เป็นการบันทึกคำสั่งของลูกค้าที่ให้ Google ดำเนินการต่อไปนี้ (ก) เก็บรักษาข้อมูลลูกค้าทั้งหมดที่ลูกค้าไม่ได้ลบก่อนที่จะสิ้นสุดข้อตกลง หลังจากสิ้นสุดข้อตกลงตามที่อธิบายไว้ในส่วนที่ 7.6 (การสิ้นสุดหลังจากการยืนยันโดเมน) และ (ข) อนุญาตให้ฝ่ายที่ทำการยืนยันเข้าถึงข้อมูลลูกค้าที่เก็บรักษาไว้ทั้งหมดได้ โดยไม่คำนึงถึงส่วนที่ 6.2 (การส่งคืนหรือการลบเมื่อสิ้นสุดข้อเสนอ) ของเอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์
-
7.5 ความยินยอมให้ดูแลระบบ ในกรณีที่เกี่ยวข้อง ลูกค้ายินยอมอนุญาตให้ (ก) ฝ่ายที่ทำการยืนยันมีสิทธิเข้าถึงและมีความสามารถตามที่อธิบายไว้ในข้อตกลงนี้ และ (ข) Google ให้สิทธิเข้าถึงและความสามารถตามที่อธิบายไว้ในข้อตกลงนี้แก่ฝ่ายที่ทำการยืนยัน
-
7.6 การสิ้นสุดหลังจากการยืนยันโดเมน หากฝ่ายที่ทำการยืนยันเป็นบุคคลที่สาม ข้อตกลงนี้จะสิ้นสุดโดยอัตโนมัติเมื่อฝ่ายที่ทำการยืนยันเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง (ซึ่งรวมถึงบัญชีของลูกค้า) และเพื่อความชัดเจน ส่วนนี้จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อสิทธิของผู้ใช้ปลายทางที่อาจได้รับมาจากฝ่ายที่ทำการยืนยันภายใต้ข้อตกลงของ Google Workspace ของฝ่ายดังกล่าว (ที่แยกต่างหาก)
-
7.7 ข้อจำกัดของบริการ บริการ ฟีเจอร์ และฟังก์ชันบางอย่างอาจไม่พร้อมใช้งาน เว้นแต่และจนกว่าจะ
-
-
8. บริการโทรศัพท์ของ Google ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ (1) Google Voice และ (2) การใช้ Google Meet เพื่อโทรออกและรับสายโทรเข้า ("โทรศัพท์ของ Google Meet") หากมี (และเพื่อจุดประสงค์ของส่วนที่ 8 นี้ Google Voice และโทรศัพท์ของ Google Meet จะเรียกรวมกันว่า "บริการโทรศัพท์ของ Google") ข้อกำหนดเหล่านี้มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับข้อจำกัดสำหรับบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน โปรดอ่านข้อมูลต่อไปนี้อย่างละเอียด
-
8.1 ฝ่ายต่างๆ ในบริการโทรศัพท์ของ Google และโครงสร้างสัญญา
-
(ก) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google นิติบุคคล Google ที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการที่เกี่ยวข้อง (นิติบุคคลดังกล่าวในแต่ละกรณีซึ่งเรียกว่า "ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google" หรือ "GTSP") จะให้บริการโทรศัพท์ของ Google ที่เกี่ยวข้องแก่ลูกค้า
-
(ข) โครงสร้างข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google หาก GTSP ที่เกี่ยวข้องนั้นเป็นบริษัทในเครือ Google ซึ่งไม่ใช่ Google ในกรณีนี้ Google จะทำสัญญาในนามของ GTSP (ซึ่งเป็นตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง) ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการโทรศัพท์ของ Google เท่านั้น และ
-
(1) หากลูกค้าเลือกสั่งซื้อบริการโทรศัพท์ใดๆ ของ Google นอกเหนือจากบริการอื่นที่ลูกค้าสั่งซื้อภายใต้ข้อตกลงแล้ว ส่วนที่ 8.1 ร่วมกับข้อกำหนดอื่นๆ ของข้อตกลง (รวมถึง CDPA และข้อจำกัดความรับผิดทั้งหมด) จะประกอบขึ้นเป็นข้อตกลงแยกต่างหาก ("ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google") ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่าง GTSP ที่เกี่ยวข้อง (ผ่าน Google ในฐานะตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง) และลูกค้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการโทรศัพท์ของ Google ดังกล่าวเท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดที่เหลือของส่วนที่ 8.1 นี้
-
(2) ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google จะมีผล ณ วันที่มีผลในใบสั่งซื้อบริการโทรศัพท์ของ Google เริ่มต้นของลูกค้า และจะดำเนินไปจนกว่าจะเกิดเหตุใดเหตุหนึ่งต่อไปนี้เป็นอันดับแรก (ก) ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google ตามข้อกำหนดสิ้นสุดลง หรือ (ข) ข้อตกลงสิ้นสุดหรือหมดอายุ โดยขึ้นอยู่กับการสิ้นสุดก่อนหน้าตามข้อกำหนด ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google จะมีผลแทนข้อตกลงเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการโทรศัพท์ของ Google เท่านั้น
-
(3) เพื่อจุดประสงค์ของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google การอ้างอิง (ยกเว้นการอ้างอิงในข้อมูลสรุปของบริการและส่วนที่ 8 ของข้อกำหนดเฉพาะของบริการเหล่านี้) ถึง "ข้อตกลง" ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น "ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google" การอ้างอิงถึง "Google" ที่เป็นนิติบุคคลทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น "GTSP" และการอ้างอิงถึง "บริการ" หรือ "บริการหลัก" ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น "บริการโทรศัพท์ของ Google"
-
(4) ลูกค้าจะบังคับใช้สิทธิและสิทธิประโยชน์ภายใต้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google ได้กับ GTSP เท่านั้น โดยไม่รวม Google และจะมีภาระหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google (รวมถึงภาระหน้าที่ในการชำระค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด) ต่อ GTSP เท่านั้น โดยไม่รวม Google
-
(5) ในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างส่วนที่ 8.1 นี้กับข้อกำหนดอื่นใดของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google (รวมถึงส่วน "ข้อกำหนดที่ขัดแย้ง" ของข้อตกลง และส่วน "ลำดับความสำคัญ" ของ CDPA) ข้อกำหนดของส่วนที่ 8.1 นี้จะมีผลเหนือกว่า โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดก็ตามที่ขัดแย้งกับข้อตกลง
-
(6) คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะสิ้นสุดข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google โดยแยกจากข้อตกลงได้ตามที่อธิบายไว้ในส่วน "อายุและการสิ้นสุดข้อตกลง" ของข้อตกลง หากลูกค้าสิ้นสุดการใช้ Google Voice ของตนเองตามที่อธิบายไว้ในส่วนที่ 8.10 (การสิ้นสุดการใช้งาน Google Voice โดยลูกค้า) การสิ้นสุดดังกล่าวจะมีผลให้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google สิ้นสุดโดยอัตโนมัติ
-
-
(ค) ข้อกำหนดในภูมิภาค ข้อกำหนดในภูมิภาครวมเข้ากับข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google และมีผลภายในขอบเขตที่ผู้ใช้ปลายทางใช้ Google Voice ในประเทศที่อธิบายไว้ในข้อกำหนดในภูมิภาค
-
-
8.2 การให้บริการโทรศัพท์ของ Google
-
(ก) การใช้ข้อมูล
-
(1) การเก็บรวบรวมและใช้ข้อมูล GTSP จะรวบรวมและใช้ข้อมูลลูกค้าตามการเปิดเผยความเป็นส่วนตัวของบริการโทรศัพท์ของ Google ซึ่งดูได้ที่
https://workspace.google.com/terms/service-terms/voice/privacy_disclosure.html -
(2) ไดเรกทอรีผู้ใช้บริการ GTSP จะไม่มอบหมายเลข Google Voice ของลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าแก่บริการไดเรกทอรี นอกจากจะได้รับคำขอให้ดำเนินการดังกล่าวจากลูกค้าหรือหากกฎหมายกำหนด
-
-
(ข) ผู้ให้บริการโทรศัพท์
-
(1) ผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทในเครือ GTSP อาจใช้บริษัทในเครือเพื่อให้บริการโทรศัพท์ของ Google ตามที่อธิบายไว้ในรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการ
-
(2) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ที่ไม่ใช่บริษัทในเครือ GTSP และบริษัทในเครือใช้ผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นบุคคลที่สามที่ไม่ใช่ Google ("ผู้ให้บริการโทรศัพท์") ในการกำหนดเส้นทางการโทรเข้าและออก (หากมี) ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน (PSTN) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ตลอดจนตำแหน่งที่ตั้งของบริษัทระบุอยู่ในรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการ การใช้บริการโทรศัพท์ของ Google จะถือว่าลูกค้าสั่งให้ GTSP ว่าจ้าง และให้บริษัทในเครือว่าจ้างผู้ให้บริการโทรศัพท์ดำเนินการดังนี้
-
(1) กำหนดเส้นทางการโทรเข้าและโทรออก (หากมี) และ
-
(2) ประมวลผลข้อมูลลูกค้าในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลอิสระในประเทศที่ลูกค้าอยู่
-
ก) ในขอบเขตต่ำสุดที่จำเป็นสำหรับการกำหนดเส้นทางดังกล่าว และ
-
ข) โดยเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (รวมถึงข้อบังคับโทรคมนาคมและกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของยุโรป)
-
-
-
-
เพื่อความชัดเจน ขอแจ้งว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลย่อย (ตามที่ให้คำนิยามไว้ใน CDPA)
-
-
8.3 เงื่อนไขการชำระเงินเพิ่มเติม
-
(ก) ใบแจ้งหนี้บริการโทรศัพท์ของ Google ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดจากการที่ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางใช้บริการโทรศัพท์ของ Google จะเรียกเก็บแยกจากบริการอื่นๆ ของ Google Workspace และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการชำระเงินของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google
-
(ข) อัตราค่าโทร นอกจากค่าธรรมเนียมแล้ว ลูกค้าจะชำระเงินให้ GTSP เป็นค่าโทรตามการใช้งาน หากมี ค่าใช้จ่ายจากการใช้งานจะคำนวณตามอัตราค่าโทรปัจจุบัน ณ ขณะนั้น
-
(ค) ภาษี ลูกค้าต้องชำระภาษีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะมีใบรับรองการยกเว้นภาษีหรือไม่ก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดก็ตามที่ขัดแย้งกับข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google ภาษีที่เรียกเก็บอาจประกอบด้วยภาษีที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการโทรศัพท์ของ Google ของผู้ใช้ปลายทางนอกประเทศที่ผู้ใช้ปลายทางใช้บริการโทรศัพท์ของ Google อยู่
-
-
8.4 ข้อกำหนดของ Google Voice และข้อจำกัดความรับผิดของ GTSP
-
(ก) ข้อกำหนดของ Google Voice ส่วนที่ 8.4(ก) นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet การใช้งาน Google Voice อาจต้องใช้บรอดแบนด์หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือแยกต่างหาก และอุปกรณ์ของผู้ใช้ปลายทางต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิคขั้นต่ำบางอย่าง การใช้ Google Voice นอกประเทศหรือการใช้บริการโรมมิ่งอื่นๆ อาจทำให้ค่าใช้จ่ายที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเรียกเก็บจากผู้ใช้ปลายทางสูงขึ้น
-
(ข) ข้อจำกัดความรับผิดของ GTSP GTSP ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความขัดข้องหรือความล้มเหลวของบริการโทรศัพท์ของ Google อันเนื่องมาจากความล่าช้า การขาดหาย หรือความขัดข้องใน (1) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของลูกค้า (2) เครือข่ายของผู้ให้บริการโทรศัพท์ หรือ (3) การทำงานของอุปกรณ์ของลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทาง การใช้งานบริการโทรศัพท์ของ Google ในอุปกรณ์เคลื่อนที่อาจใช้โควต้าอินเทอร์เน็ตมือถือหรือโควต้าการโทรของผู้ใช้ปลายทางที่ซื้อจากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ
-
-
8.5 ความสามารถของ Google Voice ส่วนที่ 8.5 นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet
-
(ก) การกำหนดหมายเลขและความพร้อมใช้งาน Google Voice อนุญาตให้กำหนดหมายเลขโทรศัพท์ โดยจะมีเงื่อนไขต่อไปนี้
-
(1) ในการเปิดใช้หมายเลข GTSP อาจต้องเก็บข้อมูลที่ข้อบังคับการสื่อสารโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้องกำหนดไว้ รวมถึงที่อยู่สำหรับรับบริการและหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของลูกค้า
-
(2) ในบางประเทศ ที่อยู่สำหรับรับบริการต้องตรงกับพื้นที่ครอบคลุมของหมายเลขที่กำหนด
-
(3) การเปิดใช้หมายเลขอาจยังไม่มีผลทันทีที่ส่งคำขอ และ
-
(4) ระบบอาจนำหมายเลขที่ไม่มีการใช้งานออกจากบัญชีของลูกค้า
-
-
(ข) การย้ายหมายเลข ลูกค้าอาจย้ายหมายเลขเดิมจากผู้ให้บริการรายอื่นมาใช้ Google Voice ได้ โดยต้องอยู่ในขอบเขตที่ Google Voice เสนอการกำหนดหมายเลข และอาจขอให้ปล่อยหมายเลขที่กำหนดดังกล่าวให้แก่ผู้ให้บริการอีกรายได้ โดยอยู่ภายใต้ส่วนที่ 8.5(ข)(1)-(4) ด้านล่าง
-
(1) ภาระหน้าที่ของลูกค้า ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบ (ก) ความถูกต้องของข้อมูลเกี่ยวกับคำขอย้ายที่ส่งให้ GTSP (ข) ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการย้ายหมายเลข รวมถึงค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับหมายเลขและแพ็กเกจที่เหลือ (ค) ค่าธรรมเนียมที่คงค้างกับ GTSP ซึ่งเกี่ยวข้องกับหมายเลขจนถึงเวลาที่ย้ายหมายเลขสำเร็จ ตามขอบเขตที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาต
-
(2) การสิ้นสุดของบริการ GTSP อาจปล่อยหมายเลข Google Voice หลังสิ้นสุดใบอนุญาตผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องหรือเมื่อใบอนุญาตดังกล่าวหมดอายุ หากลูกค้าไม่ได้ย้ายหมายเลขไปที่ผู้ให้บริการรายอื่นก่อนที่ใบอนุญาตจะสิ้นสุดหรือหมดอายุ
-
-
(ค) หมายเลขผู้โทร Google Voice อนุญาตให้แสดงหมายเลข Google Voice ของลูกค้าในอุปกรณ์ที่รับสายหากทำได้ในทางเทคนิค ผู้ใช้ปลายทางอาจหยุดการแสดงหมายเลขอย่างถาวรหรือพิจารณาตามการโทรแต่ละครั้งได้ ด้วยเหตุผลทางเทคนิค GTSP อาจหยุดแสดงหมายเลข Google Voice ไม่ได้ในบางกรณี รวมถึงการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน
-
(ง) การบล็อกหมายเลข หากลูกค้าส่งคำขอ GTSP จะบล็อกหรือเลิกบล็อกการใช้ Google Voice เพื่อโทรหาหมายเลข ช่วงหมายเลข หรือประเภทของหมายเลขเฉพาะเจาะจง (รวมถึงบริการเสริม) ในขอบเขตที่สามารถทำได้ในทางเทคนิค
-
(จ) การบันทึกการโทร Google Voice อาจอนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์แต่ละครั้งได้ ลูกค้าตกลงที่จะไม่บันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์โดยไม่ได้รับความยินยอม หากกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอม และจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางดำเนินการเช่นเดียวกันด้วย
-
-
8.6 ข้อจำกัดของบริการโทรศัพท์ของ Google บริการโทรศัพท์ของ Google จะไม่ทำสิ่งต่อไปนี้
-
(ก) มีระบบช่วยโทรโดยเจ้าหน้าที่และการโทรหาหมายเลขพิเศษ (อาจมีค่าโทรเพิ่มเติมสำหรับสายเหล่านี้)
-
(ข) รองรับการโทรแบบ "เรียกเก็บเงินปลายทาง" หรือ
-
(ค) รองรับการโทรหรือการเชื่อมต่อไปยังบางหมายเลข ซึ่งรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์อัตราพิเศษ เป็นต้น
-
-
8.7 ข้อจำกัดในการใช้ Google Voice ส่วนที่ 8.7 นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet ลูกค้าจะไม่กำหนดหมายเลขต่อ ให้สิทธิเข้าถึง หรืออนุญาตให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ตามกฎหมายเข้าใช้งาน Google Voice โดยเกณฑ์นี้เป็นไปตามที่ระบุในกฎหมายที่เกี่ยวข้องของเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้อง GTSP อาจระงับหรือปิดบัญชีที่บุคคลดังกล่าวใช้หรือได้รับบริการเป็นการถาวร
-
8.8 บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ส่วนย่อย 8.8(ก) มีผลเฉพาะกับโทรศัพท์ของ Google Meet เท่านั้น โดยไม่รวม Google Voice ส่วนย่อยอื่นๆ ทั้งหมด ((ข) - (ฉ)) ของส่วนที่ 8.8 มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet
-
(ก) การโทรทางเดียว ผู้ใช้ปลายทางที่ใช้ฟีเจอร์การโทรทางเดียวจากโทรศัพท์ของ Google Meet จะโทรหรือรับสายจากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่ได้ ลูกค้ามีหน้าที่จัดหาวิธีอื่นที่จะทำให้ผู้ใช้ปลายทางโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินได้
-
(ข) การโทร 2 ทาง Google Voice รองรับการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน บริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินด้วยโทรศัพท์แบบ IP มีข้อจำกัดบางอย่าง และจะทำงานต่างจากการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินแบบปกติตามที่อธิบายไว้ในบทบัญญัติด้านล่างนี้ โดยจะมีการอธิบายข้อจำกัดเพิ่มเติมสำหรับบางประเทศไว้ในข้อกำหนดในภูมิภาค ลูกค้ารับทราบและยอมรับในส่วนของการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตามที่อธิบายไว้ ดังนี้
-
(1) คำอธิบายบริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน ผู้ใช้ปลายทางที่ใช้ฟีเจอร์การโทร 2 ทางของ Google Voice จะโทรออกและรับสายจากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย บริการช่วยเหลือฉุกเฉินจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้ปลายทาง เมื่อผู้ใช้ปลายทางโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน GTSP จะแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ปลายทางและที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งไว้กับ Google (ดูส่วนที่ 8.8(ง) (ภาระหน้าที่ของลูกค้า) ด้านล่าง) ให้แก่เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ผู้ใช้ปลายทางอาจต้องยืนยันตำแหน่งที่อยู่จริงและหมายเลขโทรกลับ เพราะเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินอาจไม่มีข้อมูลส่วนนี้
-
(2) ข้อจำกัดเกี่ยวกับบริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน บริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินของ Google Voice มีข้อจำกัดด้านความพร้อมใช้งานดังต่อไปนี้ (ก) บริการอาจไม่พร้อมใช้งานเมื่อไฟฟ้าดับหรือสัญญาณอินเทอร์เน็ตขาดหายหรือมีความขัดข้อง (ข) การโทรหาหมายเลขฉุกเฉินอาจใช้เวลาติดต่อจุดรับแจ้งเหตุความช่วยเหลือฉุกเฉิน (PSAP) นานกว่าการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบปกติ และสายอาจไม่ว่างหรือติดต่อไม่ได้ (ค) การโทรหาหมายเลขฉุกเฉินอาจติดต่อไปที่ PSAP อย่างถูกต้อง แต่ระบบอาจไม่ได้ส่งตำแหน่งหรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ปลายทางโดยอัตโนมัติ และเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินอาจติดต่อกลับไม่ได้ (ง) การโทรหาหมายเลขฉุกเฉินระหว่างที่ใช้บริการโรมมิ่งอาจกำหนดเส้นทางไปที่ PSAP ท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับที่อยู่ที่ลงทะเบียนของผู้ใช้ปลายทาง (ลูกค้าจะแนะนำให้ผู้ใช้ปลายทางใช้ฟังก์ชันการโทรในเครื่องขณะใช้บริการโรมมิ่ง) (จ) ผู้ใช้ปลายทางที่หูหนวก มีปัญหาในการได้ยิน หรือมีความบกพร่องทางการพูดควรโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินในท้องถิ่นโดยตรงด้วยเครื่องโทรพิมพ์ (TTY) หรือบริการส่งต่อทางโทรคมนาคม แทนที่จะใช้หมายเลข 711 หรือหมายเลขที่เทียบเท่าในท้องถิ่น (ฉ) หากผู้ใช้ปลายทางมีอุปกรณ์หลายเครื่องที่เชื่อมโยงกับหมายเลขบัญชีของตน (1) การโทรกลับจาก PSAP อาจไม่ได้ส่งเสียงเรียกเข้าในอุปกรณ์ที่เชื่อมโยงบางเครื่อง และ (2) เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินอาจเห็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ต่างจากหมายเลขส่วนตัวของผู้ใช้ปลายทาง (ช) หากผู้ใช้ปลายทางปิดการโทรเข้า PSAP อาจโทรกลับไม่ได้ (ซ) หากการโทรด้วย Google Voice ล้มเหลว ระบบอาจนำผู้ใช้ปลายทางไปโทรหาหมายเลขฉุกเฉินโดยใช้ฟังก์ชันการโทรในเครื่อง และ (ฌ) การโทรหาหมายเลขฉุกเฉินจะใช้ไม่ได้กับบริการการโทรนี้ หาก (1) ใช้บริการ Google Voice แบบโทรเข้าเท่านั้น หรือ (2) การโทรนำทางผ่านเครือข่ายเสียงของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือของผู้ใช้ เมื่อใช้ฟังก์ชันการโทรในอุปกรณ์ของผู้ใช้ปลายทาง
-
-
(ค) การส่งข้อความถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Google Voice อาจไม่รองรับการส่งข้อความถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟีเจอร์ส่งข้อความถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินใดๆ ที่ใช้งานได้ผ่าน Google Voice อาจไม่มีการรองรับในเครือข่าย Wi-Fi
-
(ง) ภาระหน้าที่ของลูกค้า สืบเนื่องจากส่วนที่ 8.8(ข) (การโทร 2 ทาง) ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบดังต่อไปนี้ (1) ตรวจสอบว่าที่อยู่ที่ลงทะเบียนไว้ใน Google Voice ของผู้ใช้ปลายทางแต่ละรายเป็นที่อยู่จริงในปัจจุบันที่ผู้ใช้ปลายทางจะใช้ Google Voice (การไม่แจ้งที่อยู่ปัจจุบันอาจทำให้ติดต่อศูนย์กู้ภัยฉุกเฉินผิดแห่ง และความช่วยเหลือฉุกเฉินที่ส่งถึงผู้ใช้ปลายทางอาจล่าช้า) (2) แจ้งให้ผู้ใช้ปลายทางทราบว่าจะมีการเปิดเผยที่อยู่จริงของผู้ใช้ต่อผู้ให้บริการโทรศัพท์ (3) แจ้งให้ผู้ใช้ปลายทางทราบว่าผู้ใช้อาจต้องแจ้งที่อยู่จริงและหมายเลขโทรกลับต่อ PSAP เมื่อติดต่อได้แล้ว (4) ตรวจสอบว่าผู้ใช้ปลายทางมีวิธีอื่นในการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน และ (5) แจ้งให้ผู้ใช้ปลายทางทราบถึงข้อจำกัดของบริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน (ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดและพิมพ์ป้ายคำเตือนเพื่อติดไว้ที่อุปกรณ์ทุกเครื่องที่จะใช้ในการเข้าถึง Google Voice ได้ที่
support.google.com/voice/go/emergency-services ) -
(จ) การแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉิน อุปกรณ์อาจไม่ได้รับการแจ้งเตือนเหตุฉุกเฉินผ่าน Google Voice หากตั้งไว้ในโหมด Wi-Fi เท่านั้น หรือหากบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือไม่พร้อมใช้งาน
-
(ฉ) ข้อจำกัดความรับผิดเกี่ยวกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ทั้ง GTSP และบริษัทในเครือจะไม่มีความรับผิดภายใต้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google (ไม่ว่าจะในสัญญา การละเมิด (รวมถึงความประมาท) หรืออื่นใด) ต่อความเสียหายประเภทใดๆ (รวมถึงความเสียหายโดยตรงและโดยอ้อม) ที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับการใช้หรือพยายามใช้ Google Voice เพื่อเข้าถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงกรณีที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ ความล่าช้าในการตอบสนองของบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน การดำเนินการของศูนย์หรือเจ้าหน้าที่รับแจ้งของบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือความไม่ถูกต้องของข้อมูลที่ให้แก่บริการช่วยเหลือฉุกเฉินโดยผู้ให้บริการโทรศัพท์หรือบุคคลที่สามรายอื่นซึ่ง GTSP หรือบริษัทในเครือว่าจ้างให้อำนวยความสะดวกในการให้บริการเข้าถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
-
-
8.9 การระงับ นอกเหนือจากสิทธิในการระงับที่อธิบายไว้ในข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google แล้ว GTSP สามารถบล็อกสายโทรเข้าและออกหรือข้อความขาเข้าและออกผ่านบริการโทรศัพท์ของ Google ได้หาก GTSP พิจารณาอย่างสมเหตุสมผลแล้วว่าลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางใดๆ ได้ใช้บริการโทรศัพท์ของ Google เพื่อสร้างหรืออำนวยความสะดวกในการสร้างข้อความเป็นจำนวนมาก ข้อความที่สร้างขึ้นโดยอัตโนมัติ หรือข้อความโฆษณาที่ไม่พึงประสงค์
-
8.10 การสิ้นสุดการใช้งาน Google Voice โดยลูกค้า ส่วนที่ 8.10 นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet นอกเหนือจากสิทธิในการสิ้นสุดอื่นใดแล้ว ลูกค้าสามารถสิ้นสุดการใช้งาน Google Voice ได้ตลอดเวลาโดยการแจ้งให้ GTSP ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ลูกค้าต้องหยุดใช้งาน Google Voice ทันทีที่สิ้นสุดการใช้งาน
-
8.11 คำนิยามเพิ่มเติม
-
"อัตราค่าโทร" คืออัตราค่าโทรปัจจุบันในขณะนั้นที่อธิบายไว้ที่ (1)
https://voice.google.com/rates สำหรับ Google Voice และ (2)https://meet.google.com/u/0/tel/rates สำหรับโทรศัพท์ของ Google Meet -
"ผู้ใช้ปลายทาง" (1) เพื่อจุดประสงค์ของ Google Voice ผู้ใช้ปลายทางรวมถึงผู้ที่มีโอกาสเป็นผู้ใช้ซึ่งอาจอยู่ ณ สถานที่ตั้งจริงที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อกับ Google Voice และพร้อมใช้งานอยู่ และ (2) เพื่อจุดประสงค์ของ Google Meet ผู้ใช้ปลายทางรวมถึงผู้ที่อาจใช้บริการโทรศัพท์ของ Google Meet เพื่อโทรเข้าหรือโทรออกจากการประชุม Google Meet
-
"ค่าธรรมเนียม" ในส่วนของ Google Voice ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมซึ่งระบุไว้ที่
https://workspace.google.com/voice -
"จุดรับแจ้งเหตุความช่วยเหลือฉุกเฉิน" หรือ "PSAP" หมายถึงจุดรับแจ้งเหตุความช่วยเหลือฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ ณ สถานที่ตั้งที่ลงทะเบียนของผู้ใช้ปลายทาง
-
"ข้อกำหนดในภูมิภาค" หมายถึงข้อกำหนดซึ่งอธิบายไว้ที่
https://workspace.google.com/terms/service-terms/voice/regional_terms.html -
"ผู้ให้บริการโทรศัพท์" มีความหมายตามที่ระบุไว้ในส่วนที่ 8.2(ข) (ผู้ให้บริการโทรศัพท์) ของข้อกำหนดเฉพาะของบริการเหล่านี้
-
"รายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการ" หมายถึงรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการปัจจุบันในขณะนั้นซึ่งแสดงอยู่ที่ (1)
https://workspace.google.com/terms/service-terms/voice/providers.html สำหรับ Google Voice และ (2)https://workspace.google.com/terms/service-terms/meet-telephony/providers.html สำหรับโทรศัพท์ของ Google Meet
-
-
*หากเอกสารออฟไลน์กล่าวถึง "ผู้ให้บริการ Google Voice" หรือ "GVSP" จะถือว่าเป็นการกล่าวถึง "ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google" หรือ "GTSP" ตามที่ใช้ในข้อกำหนดเฉพาะของบริการเหล่านี้และข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google
9. Google SIP Link
-
9.1 ข้อกำหนดเพิ่มเติมของ Google SIP Link ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลกับการใช้งาน Google SIP Link ของลูกค้า
-
(ก) การโอนหมายเลขโทรศัพท์ไปยังผู้ให้บริการ SIP ของลูกค้าต้องได้รับการดำเนินการโดยผู้ให้บริการ SIP
-
(ข) ลูกค้ารับทราบและยอมรับว่า Google สามารถโทรหาลูกค้าเพื่อตรวจสอบการกำหนดค่า Trunk หรือยืนยันความเป็นเจ้าของหมายเลขของลูกค้า ซึ่งลูกค้ายินยอมที่จะรับสายดังกล่าว รวมทั้งสายจากระบบอัตโนมัติ
-
(ค) ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบว่าทุกสายที่ผู้ใช้ Google SIP Link โทรไปยังบริการช่วยเหลือฉุกเฉินจะถูกส่งผ่านผู้ให้บริการ SIP นอกจากนี้ ลูกค้าต้องคอยอัปเดตตำแหน่งหรือที่อยู่ของสายเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้บริการช่วยเหลือฉุกเฉินผ่านผู้ให้บริการ SIP
-
(ง) เพื่อความชัดเจน ขอแจ้งว่าผู้ให้บริการ SIP ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลย่อย (ตามที่ให้คำนิยามไว้ในเอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์)
-
-
9.2 คำนิยามเพิ่มเติม
-
"ผู้ให้บริการ SIP" หมายถึงผู้ผสานการทำงานระบบ ผู้ให้บริการ หรือพาร์ทเนอร์รายอื่นของลูกค้าที่ให้บริการการโทรแก่ลูกค้าโดยไม่ขึ้นกับ Google Voice
-
10. Google ไดรฟ์ ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับไดรฟ์เท่านั้น
-
10.1 การใช้ Google ไดรฟ์เพื่อเผยแพร่เนื้อหา Google ไดรฟ์ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ใช้เป็นเครือข่ายเผยแพร่เนื้อหาและ Google สามารถจำกัดการใช้และเข้าถึง Google ไดรฟ์ได้ หาก Google พิจารณาตามที่เห็นสมควรอย่างสมเหตุสมผลแล้ว และตัดสินว่ามีการใช้ Google ไดรฟ์โดยละเมิดนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ (AUP) หรือเพื่อเผยแพร่เนื้อหา รวมถึงวิดีโอต่างๆ ที่ละเมิด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีจำนวนมาก วิดีโอใดๆ ที่โฮสต์โดย Google ไดรฟ์ ซึ่งเผยแพร่ต่อสาธารณะภายนอกโดเมนของลูกค้าต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของชุมชน YouTube (อ่านได้ที่
https://www.youtube.com/howyoutubeworks/policies/community-guidelines/ หรือ URL ที่อาจมีการปรับปรุงหลังจากนี้)
11. AppSheet ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ AppSheet เท่านั้น
-
11.1 การบังคับใช้ข้อตกลง ข้อตกลงซึ่งรวมถึงข้อกำหนดเฉพาะของบริการเหล่านี้จะมีผลเฉพาะกับการใช้งาน AppSheet ของลูกค้าที่มีความเกี่ยวข้องกับผู้ใช้ปลายทางที่เข้าถึง AppSheet ผ่านบัญชีผู้ใช้ปลายทางของตนเอง และจะไม่มีผลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับแพ็กเกจ AppSheet ใดๆ ที่ซื้อผ่าน
https://www.appsheet.com -
11.2 การดูแลระบบของ AppSheet หากแพ็กเกจ AppSheet ของลูกค้ามีการควบคุมการจัดการเพิ่มเติม (ตามที่อธิบายไว้ใน
https://about.appsheet.com/pricing/ ) การควบคุมเพิ่มเติมสำหรับการจัดการและการดูแลระบบของ AppSheet จะมีให้บริการสำหรับผู้ดูแลระบบของ AppSheet ที่ได้รับมอบหมายมาโดยเฉพาะ -
11.3 เงื่อนไขการชำระเงิน คำนิยามของ "ราคา" มีการแก้ไขให้หมายถึงราคาที่เกี่ยวข้องปัจจุบันในขณะนั้นตามที่ปรากฏใน
https://solutions.appsheet.com/pricing เว้นแต่ว่าจะตกลงกันไว้เป็นอย่างอื่นในเอกสารแนบท้ายหรือแบบฟอร์มคำสั่งซื้อ -
11.4 แหล่งข้อมูล การที่ลูกค้าใช้งานแหล่งข้อมูลร่วมกับบริการนั้นจะขึ้นอยู่กับและอยู่ในบังคับของข้อกำหนดและเงื่อนไขระหว่างลูกค้ากับผู้ให้บริการแหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ในระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบในข้อกำหนดและเงื่อนไขแต่เพียงผู้เดียว รวมถึงอนุญาตให้ Google เข้าถึงและใช้แหล่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้บริการ AppSheet
-
11.5 ซอฟต์แวร์ AppSheet หาก Google ให้บริการซอฟต์แวร์ AppSheet (ซึ่งอาจรวมถึงซอฟต์แวร์ของบุคคลที่สาม) แก่ลูกค้า จะถือว่า Google มอบใบอนุญาตแบบไม่มีค่าสิทธิ (เว้นแต่ Google จะระบุไว้เป็นอย่างอื่น) แบบไม่เป็นสิทธิขาดและไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้ให้แก่ลูกค้าในช่วงระยะเวลาที่กำหนดเพื่อผลิตและใช้ซอฟต์แวร์ดังกล่าวโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้บริการแอปพลิเคชันของลูกค้าแก่ผู้ใช้ปลายทาง รวมทั้งอาจกำหนดข้อจำกัดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกใบอนุญาตโดยมีหนังสือแจ้งให้ลูกค้าทราบ การส่งออก การส่งออกซ้ำ การโอน หรือการใช้งานซอฟต์แวร์ AppSheet ของลูกค้าต้องเป็นไปตามข้อตกลงฉบับนี้ (รวมถึงข้อจำกัดและภาระหน้าที่ในการปฏิบัติตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้บริการ โดยทั้งหมดนี้จะมีผลกับซอฟต์แวร์ AppSheet) และอาจขึ้นอยู่กับข้อกำหนดและเงื่อนไขในใบอนุญาตของบุคคลที่สามภายใต้กฎหมายควบคุมการส่งออก ระหว่างทั้ง 2 ฝ่าย Google จะรักษาสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดในซอฟต์แวร์ AppSheet คู่สัญญาแต่ละฝ่ายรับรองและรับประกันว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายและข้อบังคับทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการให้หรือใช้ซอฟต์แวร์ AppSheet หากมี ซอฟต์แวร์ AppSheet นั้นจะพร้อมใช้งาน "ตามที่มีอยู่" โดยไม่มีการรับประกันหรือรับรองอย่างชัดเจนหรือโดยนัยในรูปแบบใดๆ ยกเว้นเมื่อมีการระบุไว้ในข้อตกลงอย่างชัดเจน
-
11.6 เวอร์ชันที่ไม่ต้องชำระเงิน
-
(ก) ข้อจำกัด AppSheet เวอร์ชันที่ไม่ต้องชำระเงินจะมีข้อจำกัดและไม่มีสิทธิใช้งาน TSS รวมทั้งฟีเจอร์บางอย่างของ AppSheet อาจไม่มีให้บริการในเวอร์ชันที่ไม่ต้องชำระเงิน ภาระหน้าที่ในการชดใช้ค่าเสียหายของ Google ไม่มีผลกับการใช้งาน AppSheet เวอร์ชันที่ไม่ต้องชำระเงิน
-
(ข) การสิ้นสุดเนื่องจากไม่มีการใช้งาน Google ขอสงวนสิทธิในการสิ้นสุดการให้บริการ AppSheet เวอร์ชันที่ไม่ต้องชำระเงินสำหรับผู้ใช้ปลายทางโดยการแจ้งผู้ใช้ปลายทางล่วงหน้า 30 วัน หากในระยะเวลา 60 วัน (ก) ผู้ใช้ปลายทางไม่ได้เข้าถึง AppSheet หรือ (ข) ผู้ใช้ปลายทางไม่มีกิจกรรมใดๆ ในแอปพลิเคชันของลูกค้า
-
-
11.7 การปิดให้บริการ AppSheet Google ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบอย่างน้อย 12 เดือนก่อนปิดให้บริการ AppSheet (หรือฟังก์ชันการทำงานสำคัญที่เกี่ยวข้อง) เว้นแต่ว่า Google จะแทนที่บริการหรือฟังก์ชันการทำงานที่ปิดให้บริการด้วยบริการหรือฟังก์ชันการทำงานที่คล้ายคลึงกันอย่างมีนัยสำคัญ ไม่มีข้อกำหนดใดในส่วนที่ 11.7 (การปิดให้บริการ AppSheet) นี้ที่จำกัดความสามารถของ Google ในการเปลี่ยนแปลงตามที่กำหนดเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง จัดการกับความเสี่ยงด้านความปลอดภัยอันเป็นสาระสำคัญ หรือหลีกเลี่ยงภาระทางการเงินอันมีนัยสำคัญหรือภาระทางเทคนิคอันเป็นสาระสำคัญ
-
11.8 ฝ่ายสนับสนุนด้านเทคนิค
-
(ก) การแก้ไขเพิ่มเติม คำนิยามของ "หลักเกณฑ์ด้านบริการสนับสนุนด้านเทคนิคของ Google Workspace" หรือ "หลักเกณฑ์ TSS" มีการแก้ไขให้หมายถึงหลักเกณฑ์ด้านบริการสนับสนุนของ AppSheet ปัจจุบันในขณะนั้นตามที่ปรากฏใน
https://www.appsheet.com/Home/TSSG -
(ข) แอปพลิเคชันของลูกค้า ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบต่อการสนับสนุนด้านเทคนิคของแอปพลิเคชันของลูกค้า
-
-
11.9 คำนิยามเพิ่มเติม
-
"ซอฟต์แวร์ AppSheet" หมายถึงเครื่องมือที่ดาวน์โหลดได้ ชุดพัฒนาซอฟต์แวร์ หรือซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์อื่นใดก็ตามที่ Google มีให้ซึ่งเกี่ยวกับ AppSheet รวมถึงการอัปเดตใดๆ ที่ Google อาจดำเนินการกับซอฟต์แวร์เป็นครั้งคราว
-
"แอปพลิเคชันของลูกค้า" หมายถึงโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ลูกค้าสร้างหรือโฮสต์โดยใช้ AppSheet
-
"แหล่งข้อมูล" หมายถึง Google หรือแหล่งข้อมูลจากบุคคลที่สามตามที่อธิบายไว้ใน
https://www.appsheet.com/Home/StartWithData
-
12. Workspace Generative AI Services ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ Workspace Generative AI Services เท่านั้น
-
12.1 ข้อจำกัดความรับผิด Workspace Generative AI Services (1) ใช้เทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุด (2) ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม และ (3) อาจมีเนื้อหาที่ไม่สอดคล้องกับมุมมองของ Google ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้ออกแบบมาโดยมีเจตนาให้สอดคล้องกับภาระหน้าที่ด้านการกำกับดูแล ด้านกฎหมาย หรือด้านอื่นๆ ของลูกค้า หรือเพื่อนำไปใช้หรือนำไปเป็นหลักยึดถือแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ทางกฎหมาย ทางการเงิน หรือคำแนะนำโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านอื่นๆ
-
12.2 ผลลัพธ์ที่ได้ที่คล้ายกัน ลูกค้ารับทราบว่าในบางกรณี Workspace Generative AI Services อาจให้ผลลัพธ์ที่ได้ที่เหมือนกันหรือคล้ายกันสำหรับลูกค้าแต่ละราย
-
12.3 นโยบายการใช้งานที่ไม่อนุญาต สำหรับวัตถุประสงค์ของ Workspace Generative AI Services นโยบายการใช้งานที่ไม่อนุญาตจะอยู่ใน
https://policies.google.com/terms/generative-ai/use-policy โดยอาจมีการปรับปรุงเป็นครั้งคราว ซึ่งจะรวมอยู่ใน AUP -
12.4 ข้อจำกัดในการใช้งาน ลูกค้าจะไม่ใช้และไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางใช้ผลลัพธ์ที่ได้ (1) เป็นอินพุตสำหรับการพัฒนาโมเดลที่จะนำมาแข่งกับ Workspace Generative AI Services หรือบริการอื่นๆ ของ Google Workspace หรือ (2) ในการวิศวกรรมย้อนกลับหรือสกัดคอมโพเนนต์หรือโมเดลของ Google Workspace Service (ยกเว้นในขอบเขตที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องมีการห้ามใช้ข้อจำกัดดังกล่าวโดยชัดเจน)
-
12.5 การใช้งานและความพร้อมให้บริการของบริการ ลูกค้าเข้าใจและยอมรับว่า (1) ลูกค้าจะไม่ใช้และไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางใช้ Workspace Generative AI Services ในแนวทางที่เกินขีดจำกัดที่ระบุไว้โดย Google และ (2) การใช้ Workspace Generative AI Services จะขึ้นอยู่กับความพร้อมให้บริการของ "บริการ" ตามที่ระบุไว้ที่
https://support.google.com/a/answer/13853332 -
12.6 การจำกัดอายุ ลูกค้าจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปีใช้ Workspace Generative AI Services โดยไม่คำนึงถึงที่กล่าวมา หากลูกค้ามี Google Workspace for Education Standard หรือ Google Workspace for Education Plus (ในแต่ละกรณีที่ไม่มีส่วนเสริม Gemini สำหรับ Google Workspace) ลูกค้าสามารถอนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางเข้าถึงและใช้แอป Gemini โดยเป็นไปตามข้อกำหนดของข้อตกลง หากลูกค้าอนุญาตให้มีการเข้าถึงดังกล่าว (ก) ลูกค้าจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางหรือบุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีหรืออายุตามเกณฑ์ที่ให้ความยินยอมได้แบบดิจิทัล (โดยจะเลือกอายุที่สูงกว่า) เข้าถึงและใช้แอป Gemini และ (ข) สำหรับผู้ใช้ปลายทางทุกคนหรือบุคคลที่มีอายุระหว่าง 13 ปี (หรืออายุตามเกณฑ์ที่ให้ความยินยอมได้แบบดิจิทัล โดยจะเลือกอายุที่สูงกว่า) ถึง 18 ปี ลูกค้าต้องปฏิบัติตามและยังคงเป็นผู้รับผิดชอบต่อภาระหน้าที่ดังกล่าวภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงกฎหมายความเป็นส่วนตัวที่เกี่ยวข้อง (ตามที่ระบุในเอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์)
-
12.7 ข้อจำกัดด้านการดูแลสุขภาพ ลูกค้าจะไม่ใช้และไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางใช้ Workspace Generative AI Services เพื่อวัตถุประสงค์ทางการแพทย์ (เพื่อความชัดเจน ทั้งนี้อนุญาตให้ใช้งานได้สำหรับงานวิจัย การจัดตารางเวลา หรืองานด้านการบริหารจัดการอื่นๆ ที่ไม่เกี่ยวกับการแพทย์) เพื่อการให้คำแนะนำทางการแพทย์ การรักษาหรือการวินิจฉัยทางการแพทย์ หรือในแนวทางใดๆ ก็ตามที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแล หรือต้องได้รับอนุญาตหรือได้รับอนุมัติจากหน่วยงานด้านคลินิก ด้านการแพทย์หรือด้านการดูแลสุขภาพ หรือหน่วยงานกำกับดูแลด้านอื่นๆ
-
12.8 กรณีที่ต้องสงสัยว่าเป็นการละเมิด Google สามารถระงับหรือสิ้นสุดการใช้บริการ Workspace Generative AI Services ของลูกค้าได้ทันทีหากสงสัยว่ามีการละเมิดตามส่วนย่อยที่ (12.4) ถึง (12.6) ข้างต้น
-
12.9 ข้อจำกัด ข้อจำกัดที่อยู่ในส่วนย่อยที่ (12.6) และ (12.7) ด้านบนถือเป็น "ข้อจำกัด" หรือ "ข้อจำกัดในการใช้งาน" ภายใต้ข้อตกลงที่มีผลบังคับใช้
-
12.10 ภาระหน้าที่ในการชดใช้ค่าเสียหายเพิ่มเติมของ Google
-
(1) ผลลัพธ์ที่ได้ ภาระหน้าที่ในการชดใช้ค่าเสียหายของ Google ภายใต้ข้อตกลงยังมีผลกับข้อกล่าวหาที่ว่าด้วยผลลัพธ์ที่ได้ซึ่งยังไม่ผ่านการแก้ไขจากบริการที่มีการชดใช้ค่าเสียหายของ Generative AI นั้นละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สาม ซึ่งส่วนย่อย (1) (ผลลัพธ์ที่ได้) นี้จะไม่มีผลบังคับใช้หากข้อกล่าวหาเกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ที่ได้นั้น (1) ลูกค้าสร้างหรือใช้ผลลัพธ์ที่ได้ดังกล่าวโดยที่ทราบหรือควรทราบแล้วว่ามีแนวโน้มว่าจะละเมิด (2) ลูกค้า (หรือ Google ที่อยู่ภายใต้คำสั่งของลูกค้า) เพิกเฉย ปิดการใช้งาน หรือหลีกเลี่ยงการอ้างอิงถึงแหล่งที่มา ตัวกรอง คำแนะนำ หรือเครื่องมืออื่นๆ ที่ Google มีให้บริการโดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยให้ลูกค้าสร้างหรือใช้ผลลัพธ์ที่ได้อย่างมีความรับผิดชอบ (3) ลูกค้าใช้ผลลัพธ์ที่ได้ดังกล่าวหลังจากได้รับแจ้งการกล่าวอ้างว่ามีการละเมิดจากผู้ถือสิทธิ์หรือ ตัวแทนที่ได้รับอนุญาต หรือ (4) ข้อกล่าวหาดังกล่าวนั้นเป็นเรื่องสิทธิที่เกี่ยวข้องกับเครื่องหมายการค้าอันเป็นผลมาจากการที่ลูกค้าใช้ผลลัพธ์ที่ได้ดังกล่าวในการค้าหรือการพาณิชย์ "บริการที่มีการชดใช้ค่าเสียหายของ Generative AI" หมายถึงบริการหรือฟีเจอร์ที่ระบุไว้ใน
https://cloud.google.com/terms/generative-ai-indemnified-services ซึ่งลูกค้าเป็นผู้ชำระค่าใช้บริการหรือฟีเจอร์ดังกล่าว โดยที่ไม่มีการใช้งานเครดิตหรือรุ่นฟรี -
(2) ข้อมูลการเรียนรู้ ภาระหน้าที่ในการชดใช้ค่าเสียหายของ Google ภายใต้ข้อตกลงยังมีผลกับข้อกล่าวหาที่ว่าด้วยการใช้ข้อมูลการเรียนรู้ของ Google เพื่อสร้างโมเดล Google ใดก็ตามที่บริการ Generative AI นำไปใช้นั้นละเมิดสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สาม การชดใช้ค่าเสียหายนี้ไม่ครอบคลุมถึงข้อกล่าวหาที่เกี่ยวข้องกับผลลัพธ์ที่ได้บางรายการโดยเฉพาะ ซึ่งอาจครอบคลุมอยู่ในส่วนย่อย (1) (ผลลัพธ์ที่ได้) ข้างต้น
-
-
12. 11 ข้อจำกัดการฝึก Google จะไม่ใช้ข้อมูลลูกค้าเพื่อฝึกหรือปรับแต่งโมเดลปัญญาประดิษฐ์แบบ Generative (Generative AI) ใดๆ ที่รองรับบริการ Google Workspace Generative AI Services โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือคำขอล่วงหน้าจากลูกค้า
-
12.12 คำนิยามเพิ่มเติม
-
"ผลลัพธ์ที่ได้" หมายถึงข้อมูลหรือเนื้อหาที่ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางสร้างขึ้นหรือได้รับผ่านทาง Workspace Generative AI Services ภายในบัญชี Workspace ของลูกค้า ตามที่ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางส่งพรอมต์ข้อมูลหรือเนื้อหาผ่านทางบริการเหล่านั้น ผลลัพธ์ที่ได้เป็นข้อมูลลูกค้า ระหว่างลูกค้าและ Google นั้น Google ไม่ได้อ้างถึงสิทธิความเป็นเจ้าของในทรัพย์สินทางปัญญาใหม่ใดๆ ที่สร้างในผลลัพธ์ที่ได้
-
"Workspace Generative AI Services" ประกอบไปด้วย (1) Gemini สำหรับ Google Workspace และ (2) ฟีเจอร์หรือฟังก์ชัน Generative AI อื่นๆ ของ Google Workspace Services
-
13. การวิจัยประสบการณ์ของผู้ใช้ หากลูกค้าลงทะเบียนในโครงการวิจัยประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Cloud สำหรับ Google Workspace การเข้าร่วมของลูกค้าจะขึ้นอยู่กับเอกสารแนบท้ายของคณะผู้เข้าร่วมการวิจัยประสบการณ์ของผู้ใช้ Google Cloud ซึ่งอ่านได้ที่
https://cloud.google.com/terms/user-experience-research 14. การเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ ระหว่าง Google และลูกค้า ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับบริการการจัดการคีย์การเข้ารหัสภายนอกที่ลูกค้าเลือก รวมถึงคีย์การเข้ารหัสทั้งหมดที่ลูกค้าสร้างขึ้นเพื่อใช้กับการเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์ Google จะไม่สามารถกู้คืนคีย์การเข้ารหัสหรือข้อมูลลูกค้าที่เข้ารหัสโดยใช้คีย์การเข้ารหัสนั้น หากคีย์การเข้ารหัสสูญหาย ถูกขโมย หรือเสียหาย โดยไม่คำนึงถึงข้อกำหนดใดๆ ที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่นใน CDPA การเข้ารหัสฝั่งไคลเอ็นต์จะไม่สามารถใช้ได้ทั้งหมดสำหรับบริการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด หากบริการการจัดการคีย์ภายนอกหยุดชะงักหรือไม่สามารถเข้าถึงได้
15. ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ข้อกำหนดต่อไปนี้ใช้เฉพาะกับฟีเจอร์ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ใน Google เอกสารและ Google ไดรฟ์ ("ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์")
-
15.1 รุ่นที่มีคุณสมบัติ ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์มีให้ใช้งานใน Google Workspace รุ่นต่อไปนี้
-
(ก) Google Workspace Business ทุกรุ่น (ยกเว้น Google Workspace Business Starter)
-
(ข) Google Workspace Enterprise ทุกรุ่น
-
(ค) Google Workspace Essentials ทุกรุ่น (ยกเว้น Google Workspace Essentials Starter) และ
-
(ง) Google Workspace for Education Plus
-
-
15.2 การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางจะทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์กับคู่สัญญาในเอกสารที่เกี่ยวข้องได้ (ซึ่งอาจเป็นผู้ใช้ปลายทาง) โปรดทราบว่าการให้บริการลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ของ Google ไม่ได้ทำให้ Google เป็นฝ่ายที่ดำเนินการหรือผูกพัน Google ภายใต้เอกสารใดก็ตามที่ลงนามหรือดำเนินการผ่านลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ("เอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์")
-
15.3 ความรับผิดชอบต่อเนื้อหาและข้อกำหนดทางกฎหมาย เมื่อใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์สำหรับลายเซ็นหรือการดำเนินการในเอกสาร ลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางจะมีหน้าที่รับผิดชอบในสิ่งต่อไปนี้
-
(ก) เนื้อหาของเอกสาร
-
(ข) การตรวจสอบว่ากฎหมายที่บังคับใช้ในเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอนุญาตให้ใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (แทนการใช้ "ลายเซ็นด้วยหมึก") หรือการดำเนินการในเอกสาร และ
-
(ค) การรับรองการปฏิบัติตามข้อกำหนดในการใช้ลายเซ็นหรือการดำเนินการใดก็ตามที่จำเป็นเพื่อให้เกิดความถูกต้องตามกฎหมายหรือตามการบังคับใช้ของเอกสารในเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รวมถึงข้อกำหนดที่เกี่ยวข้องกับลักษณะของเอกสาร (เช่น ข้อกำหนดสำหรับพยาน)
-
-
15.4 ข้อจำกัดความรับผิด Google จำกัดความรับผิดอย่างชัดเจนในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ในกรณีการรับประกันใดๆ หรือการรับรองใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับความถูกต้องตามกฎหมายหรือการบังคับใช้เอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ในทุกๆ เขตอำนาจศาล
-
15.5 ตัวตนและอำนาจของผู้เซ็น ลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางมีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบตัวตน อีเมล และอำนาจในการเซ็นลายเซ็นของผู้รับคำขอลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ทุกราย ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบในการตรวจสอบให้แน่ใจว่าเฉพาะผู้ใช้ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องเท่านั้นที่ใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์เพื่อเซ็นหรือดำเนินการเอกสารในนามของลูกค้าได้
-
15.6 ข้อกำหนดของผู้เซ็น ผู้รับคำขอลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์อาจต้องยอมรับข้อกำหนดแยกต่างหาก (ซึ่งรวมถึง
ข้อกำหนดในการให้บริการของ Google และข้อกำหนดในการให้บริการเพิ่มเติมของลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับผู้เซ็น หรือข้อกำหนดในการให้บริการเพิ่มเติมของลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ ) แต่คำขอลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ใดๆ ที่ผู้ใช้ปลายทางได้รับจะอยู่ในบังคับของข้อตกลงนี้ -
15.7 สำเนาและพื้นที่เก็บข้อมูลของเอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์
-
(a) Google จะพยายามส่งอีเมลสำเนาของเอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ไปยังผู้ลงนามทุกคน และเพิ่มสำเนาดังกล่าวลงในบัญชี Google ไดรฟ์ของผู้ลงนาม แต่เราไม่สามารถรับประกันได้ว่าผู้ลงนามจะได้รับอีเมล (เช่น ตัวกรองจดหมายขยะอาจบล็อกอีเมลของ Google หรือผู้ลงนามอาจไม่มีบัญชีไดรฟ์หรือมีพื้นที่เก็บข้อมูลไม่เพียงพอ)
-
(b) ลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางมีหน้าที่รับผิดชอบในการเก็บรักษาสำเนาของเอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ การสำรองข้อมูลสำเนาดังกล่าวตามความเหมาะสม และการตรวจสอบหลังจากที่ส่งคำขอลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์หรือเปลี่ยนแปลงสิทธิ์เข้าถึงสำเนาเอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ใน Google ไดรฟ์ ว่าคู่สัญญาทั้งหมดได้รับและเก็บรักษาสำเนาของเอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์แล้ว
-
-
15.8 ข้อมูลลายเซ็นและการเข้าถึงเอกสาร สำเนาเอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (รวมถึงหลักฐานการตรวจสอบ) อาจมีข้อมูลต่างๆ ซึ่งได้แก่ ลายเซ็นตามใบรับรองที่ช่วยระบุตัวตนของฝ่ายต่างๆ อีเมลของผู้ลงนาม ข้อมูลเกี่ยวกับบัญชี Google ของผู้ลงนาม (เช่น ตัวระบุที่ไม่ระบุตัวบุคคล) และอุปกรณ์ (เช่น ที่อยู่ IP) และรายละเอียดอื่นๆ (เช่น เวลาและวันที่มีการเซ็นลายเซ็น) ลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางรับทราบว่าผู้ใดก็ตามที่มีสิทธิ์เข้าถึงเอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่อธิบายไว้ในส่วนนี้ โดยจะไม่มีผลต่อภาระหน้าที่ของ Google ที่ระบุไว้ในเอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูลระบบคลาวด์
-
15.9 ข้อกำหนดในภูมิภาคสำหรับลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์
-
บราซิล การใช้เอกสารที่ลงนามด้วยลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์อาจเกี่ยวข้องกับความเสี่ยงด้านการบังคับใช้ที่สูงขึ้นในบราซิล ตามที่อธิบายไว้ในส่วนที่ 15.3 (ความรับผิดชอบต่อเนื้อหาและข้อกำหนดทางกฎหมาย) ลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางมีหน้าที่ตรวจสอบว่ากฎหมายของบราซิลอนุญาตให้ใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์เป็นวิธีที่ถูกต้องในการลงนามหรือดำเนินการในสัญญาหรือไม่ โดยไม่จำกัดภาระหน้าที่ใดๆ ภายใต้ส่วนดังกล่าว
-
16. ข้อกำหนดในภูมิภาค
-
16.1 ญี่ปุ่น หากที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงินของลูกค้าอยู่ที่ญี่ปุ่น Google Connect Asia Pacific Pte. Ltd. ("GCAP") จะเป็นผู้ให้บริการ Gmail, Chat และ Meet แม้ว่า Google Asia Pacific Pte. Ltd. จะยังคงเป็นผู้ส่งใบแจ้งหนี้ให้ โดย Google Asia Pacific Pte. Ltd. เป็นตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องของ GCAP และทำสัญญาในนามของ GCAP ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้น
-
16.2 ฝรั่งเศส ลูกค้าจะปฏิบัติตามข้อกำหนด General Security Policy for Health Information Systems (PGSSI-S) ของฝรั่งเศสในขอบเขตที่เกี่ยวข้อง
-
-
ฉบับก่อนหน้า