ข้อตกลงออนไลน์ของ Google Workspace
เพื่อความสะดวก เราได้จัดเตรียมข้อกำหนดด้านล่างนี้เป็นฉบับแปลนอกเหนือจากภาษาอังกฤษ แต่โปรดทราบว่าข้อกำหนดฉบับแปลที่ไม่ใช่ภาษาอังกฤษนั้นไม่มีผลผูกพันคุณหรือ Google ส่วนข้อกำหนดฉบับภาษาอังกฤษซึ่งมีให้ที่นี่:
ไปที่
*ข้อกำหนดด้านล่างนี้มีผลกับลูกค้าที่ชำระเงินล่วงหน้ารายปีเท่านั้น โปรด
-
ข้อตกลงออนไลน์ของ Google Workspace ฉบับนี้ (ในที่นี้เรียกว่า "ข้อตกลง") เป็นการทำข้อตกลงโดยและระหว่าง Google Inc. ซึ่งเป็นบริษัทที่ตั้งอยู่ในเดลาแวร์ มีสำนักงานตั้งอยู่ที่ 1600 Amphitheatre Parkway, Mountain View, California 94043 ("Google") กับบุคคลหรือนิติบุคคลที่ยอมรับข้อกำหนดเหล่านี้ ("ลูกค้า") ข้อตกลงฉบับนี้มีผล ณ วันที่คุณคลิกปุ่ม "ฉันยอมรับ" ด้านล่าง หรือ ณ วันที่มีการลงนามในข้อตกลงนี้ ตามกรณีที่เหมาะสม ("วันที่มีผล") ถ้าคุณยอมรับข้อตกลงนี้ในนามของนายจ้างหรือบุคคลหรือนิติบุคคลอื่น ถือว่าคุณรับรองและรับประกันว่า (i) คุณมีอำนาจตามกฎหมายเต็มที่จะลงนามผูกพันผู้ว่าจ้างหรือบุคคลอื่นภายใต้ข้อกำหนดและเงื่อนไขเหล่านี้ (ii) คุณได้อ่านและทำความเข้าใจกับข้อตกลงนี้ และ (iii) คุณยอมรับข้อตกลงนี้ในนามของบุคคลหรือฝ่ายที่คุณเป็นตัวแทน ถ้าคุณไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะลงนามผูกพันแทนนายจ้างหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โปรดอย่าคลิกที่ปุ่ม "ฉันยอมรับ" ด้านล่าง (หรือในกรณีที่เหมาะสม โปรดอย่าลงชื่อในข้อตกลงนี้) ข้อตกลงนี้มีผลบังคับใช้กับการเข้าถึงและการใช้บริการของลูกค้า
-
1. บริการ
-
1.1 หน่วยงานและการโอนข้อมูล หน่วยงานทั้งหมดที่ใช้เพื่อเก็บและประมวลผลข้อมูลลูกค้าจะปฏิบัติตามมาตรฐานการรักษาความปลอดภัยอย่างสมเหตุสมผล มีการป้องกันไม่น้อยกว่ามาตรฐานการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานที่ Google ใช้เก็บและประมวลผลข้อมูลของตนเองที่มีประเภทคล้ายกัน Google ได้ใช้ระบบและกระบวนการที่เป็นมาตรฐานอุตสาหกรรมเป็นขั้นต่ำเพื่อรักษาความปลอดภัยและข้อมูลที่เป็นความลับของข้อมูลของลูกค้า ป้องกันภัยคุกคามหรืออันตรายที่คาดไว้เพื่อให้เกิดความปลอดภัยหรือความถูกต้องของข้อมูลของลูกค้า และป้องกันการเข้าถึงหรือการใช้งานข้อมูลของลูกค้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ในการให้บริการต่างๆ Google อาจถ่ายโอน จัดเก็บและประมวลผลข้อมูลของลูกค้าในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือในประเทศอื่นๆ ที่ Google หรือตัวแทนมีหน่วยงานอยู่ ในการใช้บริการเหล่านี้ ลูกค้ายินยอมให้มีการถ่ายโอน ประมวลผล และจัดเก็บข้อมูลของลูกค้า
-
1.2 การแก้ไข
-
ก. บริการ Google อาจดำเนินการเปลี่ยนแปลงซึ่งสมเหตุสมผลในเชิงพาณิชย์กับข้อตกลงนี้ในบางโอกาส ถ้า Google มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในส่วนของบริการ Google จะแจ้งให้ลูกค้าทราบ โดยมีเงื่อนไขว่าลูกค้าจะต้องสมัครรับข้อมูลเพื่อให้ทราบข้อมูลการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจาก Google
-
ข. ข้อกำหนดของ URL Google อาจดำเนินการเปลี่ยนแปลงที่สมเหตุสมผลในเชิงพาณิชย์กับข้อกำหนดของ URL ในบางโอกาส ถ้า Google เปลี่ยนแปลงข้อกำหนดของ URL ในส่วนที่มีสาระสำคัญ Google จะแจ้งให้ลูกค้าทราบโดยการส่งอีเมลไปยังที่อยู่อีเมลการแจ้งเตือนหรือโดยการเตือนลูกค้าผ่านทางคอนโซลผู้ดูแลระบบ ถ้าการเปลี่ยนแปลงมีผลเสียอย่างเป็นรูปธรรมกับลูกค้า และลูกค้าไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลง ลูกค้าจะต้องแจ้งให้ Google ทราบทางศูนย์ช่วยเหลือภายใน 30 วันนับจากได้รับแจ้งการเปลี่ยนแปลง ถ้าลูกค้าแจ้ง Google ดังที่กำหนดไว้ ลูกค้าจะยังคงอยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่มีผลก่อนการเปลี่ยนแปลงในทันที จนถึงสิ้นสุดระยะเวลาของบริการปัจจุบันในขณะนั้นสำหรับบริการที่เกี่ยวข้อง ถ้ามีการต่ออายุบริการที่เกี่ยวข้อง บริการดังกล่าวจะได้รับการต่ออายุภายใต้ข้อกำหนด URL ในขณะนั้นของ Google
-
-
1.3 การเป็นเจ้าของชื่อโดเมนของลูกค้า ก่อนที่จะให้บริการ Google อาจยืนยันว่าลูกค้าเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิ์ควบคุมชื่อโดเมนของลูกค้า ถ้าลูกค้าไม่ใช่เจ้าของ หรือควบคุมชื่อโดเมนของลูกค้า Google จะไม่มีภาระหน้าที่ในการให้บริการแก่ลูกค้า
-
1.4 โฆษณา การตั้งค่าเริ่มต้นสำหรับบริการคือไม่อนุญาตให้ Google แสดงโฆษณา ลูกค้าสามารถเปลี่ยนการตั้งค่านี้ได้ในคอนโซลผู้ดูแลระบบ ซึ่งถือเป็นการอนุมัติของลูกค้าให้ Google แสดงโฆษณา ถ้าลูกค้าเปิดใช้การแสดงโฆษณา อาจมีการเปลี่ยนกลับเป็นการตั้งค่าเริ่มต้นได้ตลอดเวลา และ Google จะหยุดการแสดงโฆษณา
-
1.5 Google ห้องนิรภัย หากลูกค้าซื้อ Google ห้องนิรภัย ข้อกำหนดเพิ่มเติมต่อไปนี้จะมีผลบังคับ
-
ก. การเก็บรักษา Google จะไม่มีภาระหน้าที่ในการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าที่เก็บถาวรไว้เกินจากระยะเวลาเก็บรักษาที่ลูกค้ากำหนด (นอกเหนือจากการเก็บรักษาข้อมูลระหว่างดำเนินคดี) ถ้าลูกค้าไม่ต่ออายุ Google ห้องนิรภัย Google จะไม่มีภาระหน้าที่ในการเก็บรักษาข้อมูลลูกค้าที่เก็บถาวรไว้
-
ข. การซื้อเพิ่มเติม ยกเว้นกรณีที่ Google อนุญาตเป็นอย่างอื่น การซื้อบัญชีผู้ใช้ปลายทางเพิ่มเติมสำหรับบริการหลังจากที่ลูกค้าซื้อ Google ห้องนิรภัยแล้ว ลูกค้าจะได้รับสิทธิ์ในการเข้าถึง และจะมีการเรียกเก็บเงินค่าบริการ Google ห้องนิรภัยตามจำนวนบัญชีผู้ใช้ปลายทางนั้นๆ
-
-
-
2. ภาระหน้าที่ของลูกค้า
-
2.1 การปฏิบัติตามข้อกำหนด ลูกค้าจะใช้บริการตามนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ Google อาจเปิดให้บริการแอปพลิเคชัน คุณลักษณะ หรือการทำงานเพิ่มเติมสำหรับบริการในบางขณะ ซึ่งการใช้งานอาจขึ้นอยู่กับการยินยอมของลูกค้าที่จะปฏิบัติตามเงื่อนไขเพิ่มเติม นอกจากนี้ Google จะจัดให้มีผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ Google Workspace (นอกเหนือจากบริการ) สามารถใช้งานได้โดยลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าตามข้อกำหนดของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ Google Workspace และข้อกำหนดในการให้บริการของ Google เฉพาะสำหรับผลิตภัณฑ์นั้นๆ ถ้าไม่ประสงค์จะเปิดใช้งานผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ Google Workspace ลูกค้าสามารถเปิดใช้งานหรือปิดใช้งานได้ตลอดเวลาผ่านคอนโซลการดูแลระบบ
-
2.2 ชื่อแทน ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวสำหรับการติดตาม ตอบกลับ และประมวลผลในทางอื่นๆ กับอีเมลที่ส่งถึงชื่อแทน "abuse" และ "postmaster" สำหรับชื่อโดเมนลูกค้า แต่ Google อาจตรวจสอบอีเมลที่ส่งถึงชื่อแทนเหล่านี้สำหรับชื่อโดเมนของลูกค้า เพื่อให้ Google สามารถระบุถึงการละเมิดบริการได้
-
2.3 การดูแลระบบบริการของลูกค้า ลูกค้าอาจระบุผู้ดูแลระบบอย่างน้อยหนึ่งคนผ่านทางคอนโซลผู้ดูแลระบบ ซึ่งจะเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในการเข้าถึงบัญชีผู้ดูแลระบบและจัดการบัญชีผู้ใช้ปลายทาง ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบต่อ: (ก) การรักษาความลับของรหัสผ่านและบัญชีผู้ดูแลระบบ (ข) การมอบหมายให้บุคคลที่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงบัญชีผู้ดูแลระบบ และ (ค) การดูแลให้กิจกรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากบัญชีผู้ดูแลระบบเป็นไปตามข้อตกลงนี้ ลูกค้ายอมรับว่าความรับผิดชอบของ Google จะไม่รวมถึงการจัดการภายในหรือการดูแลบริการสำหรับลูกค้า และ Google เป็นเพียงผู้ประมวลผลข้อมูลเท่านั้น
-
2.4 ความยินยอมของผู้ใช้ปลายทาง ผู้ดูแลระบบของลูกค้าจะมีความสามารถในการเข้าถึง ตรวจสอบ ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลที่สามารถใช้ได้กับผู้ใช้ปลายทางภายในบัญชีผู้ใช้ปลายทาง ลูกค้าจะขอรับและรักษาหนังสือแสดงความยินยอมทั้งหมดที่จำเป็นจากผู้ใช้ปลายทาง เพื่ออนุญาตให้: (i) ลูกค้าสามารถเข้าถึง ตรวจสอบ ใช้ และเปิดเผยข้อมูลนี้ และเพื่อให้ Google กำหนดให้ลูกค้าสามารถดำเนินการดังกล่าว และ (ii) Google สามารถให้บริการได้
-
2.5 การใช้งานที่ไม่ได้รับอนุญาต ลูกค้าจะใช้ความพยายามอย่างสมเหตุสมผลในเชิงพาณิชย์เพื่อป้องกันการใช้งานบริการที่ไม่ได้รับอนุญาตและเพื่อยุติการใช้งานที่ไม่ได้รับอนุญาต ลูกค้าจะแจ้งให้ Google ทราบในทันทีเมื่อทราบว่ามีการใช้งาน หรือการเข้าถึงบริการโดยไม่ได้รับอนุญาต
-
2.6 ข้อจำกัดในการใช้งาน ยกเว้นกรณีที่ Google ยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ลูกค้าจะต้องไม่ดำเนินการ และจะใช้ความพยายามอันสมควรแก่เหตุในเชิงพาณิชย์เพื่อดำเนินการให้บุคคลที่สามไม่ดำเนินการต่อไปนี้: (ก) จำหน่าย จำหน่ายต่อ ให้เช่า หรือดำเนินการที่เทียบเท่ากันกับบริการให้แก่บุคคลที่สาม (ยกเว้นที่ได้รับอนุญาตตามข้อตกลงนี้) (ข) พยายามย้อนกระบวนการทางวิศวกรรมกับบริการหรือส่วนหนึ่งส่วนใด (ค) พยายามสร้างบริการทดแทนหรือบริการที่คล้ายคลึงกันผ่านทางการใช้ หรือการเข้าถึงบริการ (ง) ใช้บริการสำหรับกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง หรือ (จ) ใช้บริการเพื่อเก็บหรือโอนข้อมูลของลูกค้าที่มีการควบคุมการส่งออกตามกฎหมายควบคุมการส่งออก ลูกค้าเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวสำหรับการปฏิบัติตาม HIPAA
-
2.7 คำขอของบุคคลที่สาม ลูกค้าต้องรับผิดชอบต่อการตอบสนองคำขอของบุคคลที่สาม Google จะดำเนินการภายในขอบเขตที่กฎหมายกำหนดและตามข้อกำหนดของคำขอของบุคคลที่สาม เพื่อ: (ก) แจ้งแก่ลูกค้าโดยทันทีเมื่อได้รับคำขอของบุคคลที่สาม (ข) ปฏิบัติตามคำขออันสมเหตุสมผลของลูกค้าเกี่ยวกับการพยายามที่จะคัดค้านคำขอของบุคคลที่สาม และ (ค) ให้ข้อมูลและเครื่องมือแก่ลูกค้าตามที่จำเป็นในการที่ลูกค้าจะตอบสนองต่อคำขอของบุคคลที่สาม ขั้นแรก ลูกค้าจะดำเนินการเพื่อขอรับข้อมูลที่จำเป็นในการตอบสนองต่อคำขอของบุคคลที่สามด้วยตนเอง และจะติดต่อ Google เฉพาะเมื่อมีเหตุผลอันสมควรที่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวเท่านั้น
-
-
3. การชำระเงิน
-
3.1 การชำระเงิน การชำระเงินทั้งหมดจะชำระเป็นดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ยกเว้นที่ระบุเป็นอย่างอื่นในหน้าคำสั่งซื้อหรือใบแจ้งหนี้
-
ก. คำสั่งซื้อด้วยบัตรเครดิต ค่าธรรมเนียมการสั่งซื้อด้วยบัตรเครดิตจะคิดทันทีหลังจากส่งคำสั่งซื้อ Google จะเรียกเก็บเงินจากบัตรเครดิตที่ระบุผ่านทางหน้าคำสั่งซื้อสำหรับค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในเวลาที่ครบกำหนดชำระ ถ้าการพยายามขออนุมัติหรือเรียกเก็บเงินกับบัตรเครดิตถูกปฏิเสธ Google อาจปิดใช้หรือยกเลิกบริการทันที ตามที่พิจารณาเห็นสมควร
-
ข. คำสั่งซื้อแบบใบแจ้งหนี้ ค่าธรรมเนียมสำหรับคำสั่งซื้อในกรณีที่ Google ออกใบแจ้งหนี้จะครบกำหนดชำระเมื่อลูกค้าได้รับใบแจ้งหนี้ และถือว่าล่าช้าเมื่อเกิน 30 วันหลังจากวันที่ในใบแจ้งหนี้นั้นๆ
-
-
3.2 การชำระเงินล่าช้า การชำระเงินล่าช้าจะมีการคิดดอกเบี้ยในอัตรา 1.5 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน (หรืออัตราที่สูงสุดเท่าที่กฎหมายกำหนด ถ้าน้อยกว่านี้) จากวันที่ครบกำหนดการชำระเงินจนกว่าจะชำระเงินจนครบถ้วน ลูกค้าต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมดตามที่สมควร (รวมถึงค่าทนาย) ที่เกิดขึ้นแก่ Google ในการเรียกเก็บเงินค้างชำระหรือชำระล่าช้า ยกเว้นกรณีที่จำนวนเงินที่ค้างชำระหรือล่าช้านั้นเกิดจากความผิดพลาดในการเรียกเก็บเงินของ Google
-
3.3 ภาษี ลูกค้าต้องรับผิดชอบชำระค่าภาษีเอง และจะชำระค่าบริการแก่ Google โดยไม่มีการหักภาษี ถ้า Google มีภาระหน้าที่ตามกฎหมายที่จะชำระหรือหักภาษี จะมีการส่งใบกำกับภาษีให้แก่ลูกค้า ยกเว้นกรณีที่ลูกค้าแสดงใบรับรองการยกเว้นภาษีที่ถูกต้องซึ่งได้รับการอนุมัติโดยหน่วยงานภาษีที่เหมาะสมแก่ Google ถ้ากฎหมายกำหนดให้ลูกค้าหักภาษี ณ ที่จ่ายกับ Google ลูกค้าต้องให้ใบกำกับภาษีอย่างเป็นทางการ หรือเอกสารอื่นที่เหมาะสมแก่ Google เพื่อสนับสนุนการชำระเงินดังกล่าว
-
-
4. บริการสนับสนุนด้านเทคนิค
-
4.1 โดยลูกค้า ลูกค้าจะต้องดำเนินการกับคำถามและข้อร้องเรียนจากผู้ใช้ปลายทางหรือบุคคลที่สามเกี่ยวกับการใช้บริการของลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทาง โดยแบกรับค่าใช้จ่ายทั้งหมดเอง ลูกค้าจะใช้ความพยายามที่สมเหตุสมผลในเชิงพาณิชย์ เพื่อแก้ไขปัญหาการสนับสนุนก่อนที่จะยกระดับให้กับ Google
-
4.2 โดย Google หากลูกค้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านการสนับสนุนตามที่กล่าวข้างต้น ลูกค้าสามารถแจ้งปัญหาแก่ Google ตามหลักเกณฑ์ TSS ในกรณีนี้ Google จะให้บริการ TSS แก่ลูกค้าตามหลักเกณฑ์ TSS
-
-
5. การระงับ
-
5.1 บัญชีผู้ใช้ปลายทางโดย Google ถ้า Google ทราบเกี่ยวกับการละเมิดข้อตกลงของผู้ใช้ปลายทาง Google สามารถร้องขอเป็นการเฉพาะเพื่อให้ลูกค้าระงับบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องนั้นได้ ถ้าลูกค้าไม่สามารถปฏิบัติตามคำขอของ Google ในการระงับบัญชีของผู้ใช้ปลายทาง Google อาจดำเนินการเอง ระยะเวลาของการระงับโดย Google จะเป็นการระงับจนกว่าผู้ใช้ปลายทางได้แก้ไขการละเมิดซึ่งทำให้เกิดการระงับนั้นๆ
-
5.2 ปัญหาด้านความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน แม้ว่าจะมีเงื่อนไขดังที่กล่าวมา หากเกิดปัญหาด้านความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน Google สามารถระงับการใช้บริการได้โดยอัตโนมัติ การระงับจะอยู่ภายในขอบเขตและระยะเวลาต่ำสุดที่จำเป็น เพื่อป้องกันหรือยุติปัญหาด้านความปลอดภัยในกรณีฉุกเฉิน หาก Google ระงับบัญชีผู้ใช้ปลายทางด้วยสาเหตุใดๆ ก็ตามโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้าแก่ลูกค้า Google จะแสดงสาเหตุสำหรับการระงับให้แก่ลูกค้าโดยเร็วที่สุดอย่างสมเหตุสมผล ทั้งนี้จะเป็นไปตามคำขอของลูกค้า
-
-
6. ข้อมูลที่เป็นความลับ
-
6.1 ภาระหน้าที่ คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะ: (ก) ปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับของอีกฝ่ายด้วยมาตรฐานและความระมัดระวังเช่นเดียวกับที่ใช้ในการปกป้องข้อมูลที่เป็นความลับของตนเอง และ (ข) ไม่เปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับ ยกเว้นแก่พาร์ทเนอร์ พนักงานและตัวแทนที่จำเป็นต้องทราบและยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรว่าจะรักษาข้อมูลนั้นไว้เป็นความลับ คู่สัญญาแต่ละฝ่าย (และพาร์ทเนอร์ พนักงาน และตัวแทนที่ได้รับการเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับ) สามารถใช้ข้อมูลที่เป็นความลับเพื่อใช้สิทธิ์และปฏิบัติตามภาระหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงนี้เท่านั้น พร้อมทั้งใช้ความระมัดระวังอย่างสมเหตุสมผลในการคุ้มครองข้อมูล คู่สัญญาแต่ละฝ่ายมีหน้าที่รับผิดชอบต่อการกระทำของพาร์ทเนอร์ พนักงาน และตัวแทนของตนในการละเมิดหัวข้อนี้
-
6.2 ข้อยกเว้น ข้อมูลที่เป็นความลับไม่รวมถึงข้อมูลที่ (ก) ผู้รับข้อมูลที่เป็นความลับนั้นทราบข้อมูลอยู่แล้ว (ข) กลายเป็นข้อมูลสาธารณะโดยไม่เกิดจากการละเมิดของผู้รับ (ค) มีการพัฒนาขึ้นอย่างอิสระโดยผู้รับ หรือ (ง) ผู้รับได้รับมอบอย่างชอบธรรมโดยบุคคลอื่น
-
6.3 การเปิดเผยที่จำเป็น คู่สัญญาแต่ละฝ่ายสามารถเปิดเผยข้อมูลที่เป็นความลับของอีกฝ่ายเมื่อกฎหมายกำหนด แต่เฉพาะเมื่อคู่สัญญานั้น: (ก) ใช้ความพยายามที่สมเหตุสมผลในเชิงพาณิชย์เพื่อแจ้งแก่อีกฝ่าย และ (ข) ให้โอกาสคู่สัญญาอีกฝ่ายคัดค้านการเปิดเผยดังกล่าว ทั้งนี้อยู่ภายในเงื่อนไขที่กฎหมายอนุญาตให้ดำเนินการ
-
-
7. สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา คุณลักษณะเกี่ยวกับแบรนด์
-
7.1 สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา ยกเว้นที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนในที่นี้ ข้อตกลงนี้ไม่มีการให้สิทธิ์แก่ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ทั้งโดยนัยและอื่นใด สำหรับสิทธิ์ในเนื้อหาหรือทรัพย์สินทางปัญญาของอีกฝ่าย ระหว่างทั้งสองฝ่าย ลูกค้าจะเป็นเจ้าของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดในข้อมูลของลูกค้า และ Google จะเป็นเจ้าของสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาทั้งหมดในบริการ
-
7.2 การแสดงคุณลักษณะของตราสินค้า Google สามารถแสดงคุณลักษณะของตราสินค้าที่ได้รับอนุญาตจากลูกค้า (การอนุญาตดังกล่าวมาจากการที่ลูกค้าอัปโหลดคุณลักษณะของตราสินค้าเข้าสู่บริการ) ภายในพื้นที่ที่กำหนดในหน้าเว็บบริการเท่านั้น ลูกค้าสามารถระบุลักษณะการใช้งานได้ด้วยการใช้คอนโซลผู้ดูแลระบบ Google อาจแสดงคุณลักษณะของตราสินค้าของ Google ในหน้าเว็บบริการเพื่อระบุว่า Google เป็นผู้ให้บริการนี้ คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายไม่สามารถแสดงหรือใช้คุณลักษณะของตราสินค้าของอีกฝ่ายนอกเหนือไปจากที่อนุญาตตามข้อตกลงนี้ โดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากอีกฝ่าย
-
7.3 ข้อจำกัดเกี่ยวกับคุณลักษณะของตราสินค้า การใช้คุณลักษณะของตราสินค้าของแต่ละฝ่ายจะเป็นไปเพื่อประโยชน์ต่อฝ่ายที่ถือครองสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของคุณลักษณะของตราสินค้าเหล่านั้น ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดสามารถยกเลิกสิทธิ์ของอีกฝ่ายในการใช้คุณลักษณะของตราสินค้าของตนตามข้อตกลงนี้ ด้วยการแจ้งให้อีกฝ่ายทราบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรและระบุระยะเวลาที่จะยุติการใช้งานอย่างสมเหตุสมผล
-
-
8.การประชาสัมพันธ์ ลูกค้ายอมรับว่า Google อาจใส่ชื่อหรือคุณลักษณะเกี่ยวกับแบรนด์ของลูกค้าไว้ในรายชื่อลูกค้าของ Google ทั้งทางออนไลน์หรือในเอกสารส่งเสริมการขาย และลูกค้ายอมรับด้วยว่า Google อาจอ้างถึงลูกค้าในทางวาจาว่าเป็นลูกค้าของผลิตภัณฑ์หรือบริการของ Google ที่อยู่ภายใต้ข้อตกลงนี้ หัวข้อนี้ขึ้นอยู่กับหัวข้อ 7.3
-
9. การรับรอง การรับประกัน และข้อจำกัดความรับผิดชอบ
-
9.1 การรับรองและรับประกัน ทั้งสองฝ่ายรับรองว่ามีอำนาจเต็มในการทำข้อตกลงนี้ คู่สัญญาแต่ละฝ่ายรับประกันว่าจะปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับทั้งหมดที่มีผลต่อการให้บริการหรือการใช้บริการของตน ตามแต่ละกรณี (รวมถึงกฎหมายว่าด้วยการแจ้งการละเมิดการรักษาความปลอดภัยที่มีผลบังคับ) Google รับประกันว่าจะให้บริการตาม SLA ที่มีผลบังคับใช้
-
9.2 ข้อจำกัดความรับผิด ภายในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต ยกเว้นที่ระบุอย่างชัดเจนในที่นี้ คู่สัญญาแต่ละฝ่ายไม่มีการรับประกันใดๆ ทั้งแบบชัดแจ้ง โดยนัย ตามกฎหมาย หรืออื่นๆ รวมถึง โดยไม่จำกัดเพียงการรับประกันคุณค่าความเป็นสินค้า ความเหมาะสมต่อวัตถุประสงค์อย่างหนึ่งอย่างใด และการไม่ละเมิดข้อกำหนด GOOGLE ไม่ให้การรับรองใดๆ เกี่ยวกับเนื้อหาหรือข้อมูลที่สามารถเข้าถึงโดยหรือผ่านบริการ ลูกค้ารับทราบว่าบริการนี้ไม่ใช่บริการโทรศัพท์ และบริการนี้ไม่สามารถโทรออกหรือรับสาย รวมถึงสายบริการฉุกเฉิน ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์ผ่านชุมสายสาธารณะ
-
-
10. ระยะเวลาของข้อตกลง
-
10.1 ระยะเวลาของข้อตกลง ข้อตกลงนี้จะยังคงมีผลภายในระยะเวลาของข้อตกลง
-
10.2 ระยะเวลาของบริการและการซื้อในระหว่างระยะเวลาของบริการ Google จะให้บริการแก่ลูกค้าตามระยะเวลาของบริการ ยกเว้นกรณีที่คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตกลงเป็นอย่างอื่นอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร บัญชีผู้ใช้ปลายทางที่ซื้อระหว่างระยะเวลาของบริการใดๆ จะมีระยะเวลาคงเหลือตามสัดส่วนโดยสิ้นสุด ณ วันสุดท้ายของระยะเวลาของบริการ
-
10.3 การต่ออายุอัตโนมัติ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของบริการ บริการ (และบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมดที่ซื้อไว้ก่อนหน้านี้) จะต่ออายุโดยอัตโนมัติเพื่อรับระยะเวลาของบริการเพิ่มอีก 12 เดือน ลูกค้าจะชำระเงินให้แก่ Google ตามอัตราค่าบริการรายปีที่เป็นปัจจุบัน ณ ขณะนั้น สำหรับบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่ต่ออายุแต่ละบัญชี ยกเว้นกรณีที่ลูกค้าและ Google ตกลงร่วมกันเป็นอย่างอื่น ลูกค้าสามารถเปลี่ยนจำนวนบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่จะต่ออายุด้วยการแจ้งจำนวนบัญชีที่ต้องการต่ออายุกับ Google ผ่านคอนโซลผู้ดูแลระบบ ถ้า Google ไม่ประสงค์ให้มีการต่ออายุบริการ จะแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงความประสงค์นี้อย่างเป็นลายลักษณ์อักษรอย่างน้อย 15 วันก่อนสิ้นสุดระยะเวลาของบริการปัจจุบันในขณะนั้น การแจ้งไม่ต่ออายุนี้จะมีผลเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาของบริการปัจจุบันในขณะนั้น
-
10.4 การปิดใช้การต่ออายุอัตโนมัติ ลูกค้าสามารถปิดใช้ตัวเลือกการต่ออายุอัตโนมัติผ่านคอนโซลผู้ดูแลระบบ ถ้าลูกค้าปิดใช้การตั้งค่าการต่ออายุอัตโนมัตินี้ บัญชีผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าจะสิ้นสุดลงเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาปัจจุบัน Google อาจเปิดใช้การตั้งค่าการต่ออายุอัตโนมัติแทนลูกค้า ถ้าลูกค้าลดหรือแก้ไขจำนวนบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่มีกำหนดต่ออายุผ่านทางคอนโซลผู้ดูแลระบบ
-
10.5 การขอบัญชีผู้ใช้ปลายทาง ลูกค้าสามารถขอบัญชีผู้ใช้ปลายทางโดย: (i) แจ้งผู้จัดการบัญชีของ Google ที่ได้รับมอบหมาย หรือ (ii) สั่งซื้อบัญชีผู้ใช้ปลายทางผ่านทางคอนโซลผู้ดูแลระบบ
-
10.6 การแก้ไขอัตราค่าบริการ Google อาจแก้ไขอัตราค่าบริการสำหรับระยะเวลาของบริการต่อไปนี้ โดยจะแจ้งให้ลูกค้าทราบเป็นลายลักษณ์อักษร (อาจเป็นทางอีเมล) อย่างน้อย 30 วันก่อนที่จะเริ่มต้นระยะเวลาของบริการต่อไปนี้
-
-
11. การยุติ
-
11.1 การยุติเนื่องจากการละเมิด คู่สัญญาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถระงับการปฏิบัติตามหรือยุติข้อตกลงนี้ได้ถ้า: (i) คู่สัญญาอีกฝ่ายมีการละเมิดข้อตกลงที่เป็นสาระสำคัญ และไม่สามารถเยียวยาการละเมิดได้ภายใน 30 วันหลังจากได้รับการแจ้งอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร (ii) คู่สัญญาอีกฝ่ายยุติการดำเนินธุรกิจ หรืออยู่ระหว่างการดำเนินคดีเพื่อเลิกกิจการ และการดำเนินการนั้นไม่ถูกยกเลิกภายใน 90 วัน หรือ (iii) คู่สัญญาอีกฝ่ายละเมิดข้อตกลงนี้อย่างเป็นรูปธรรมมากกว่า 2 ครั้ง แม้ว่าจะมีการเยียวยาการละเมิดเหล่านั้นแล้วก็ตาม
-
11.2 ผลของการยุติ ถ้าข้อตกลงนี้ยุติลง จะมีผลดังนี้: (i) สิทธิ์ที่ให้แก่คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะหยุดลงโดยทันที (ยกเว้นที่กำหนดในหัวข้อนี้) (ii) Google จะให้สิทธิ์ในการเข้าถึงและทำให้สามารถส่งออกข้อมูลของลูกค้าในระยะเวลาที่เหมาะสมในเชิงพาณิชย์แก่ลูกค้าในอัตรา ณ ขณะนั้นของ Google สำหรับบริการที่เกี่ยวข้อง (iii) หลังจากระยะเวลาที่เหมาะสมในเชิงพาณิชย์ Google จะลบข้อมูลของลูกค้าด้วยการนำตัวชี้ไปยังข้อมูลออกในเซิร์ฟเวอร์ที่ใช้งานจริงของ Google และเขียนทับเมื่อเวลาผ่านไป (iv) คู่สัญญาแต่ละฝ่ายจะใช้ความพยายามที่เหมาะสมในเชิงพาณิชย์เพื่อส่งคืนหรือทำลายข้อมูลที่เป็นความลับอื่นๆ ทั้งหมดของคู่สัญญาอีกฝ่ายเมื่อร้องขอ
-
-
12. การให้ความคุ้มครอง
-
12.1 โดยลูกค้า ลูกค้าจะให้การคุ้มครอง ป้องกันและดำเนินการให้ Google พ้นจากความรับผิด ความเสียหาย และค่าใช้จ่ายทั้งหมด (รวมถึงค่าชำระคดีและค่าทนายความที่สมเหตุสมผล) ที่เกิดจากการเรียกร้องของบุคคลที่สาม: (i) เกี่ยวกับข้อมูลของลูกค้าหรือชื่อโดเมนของลูกค้า (ii) ว่าคุณลักษณะตราสินค้าของลูกค้าละเมิดสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้าหรือเครื่องหมายการค้าของบุคคลที่สาม หรือ (iii) เกี่ยวกับการใช้บริการของลูกค้าที่ละเมิดนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้
-
12.2 โดย Google Google จะให้การคุ้มครอง ป้องกัน และดำเนินการเพื่อให้ลูกค้าพ้นจากความรับผิด ความเสียหาย และค่าใช้จ่ายใดๆ (รวมถึงค่าชำระคดีและค่าทนายที่สมเหตุสมผล) ที่เกิดจากการเรียกร้องของบุคคลที่สามว่าเทคโนโลยีของ Google ที่ใช้ในการให้บริการหรือคุณลักษณะของตราสินค้าของ Google ละเมิดสิทธิบัตร ลิขสิทธิ์ ความลับทางการค้าหรือเครื่องหมายการค้าของบุคคลที่สามดังกล่าว แม้ว่าจะมีเงื่อนไขดังที่กล่าวมา ไม่ว่าในกรณีใดๆ ก็ตาม Google จะไม่มีภาระหน้าที่หรือความรับผิดภายใต้หัวข้อนี้ที่เกิดขึ้นจาก: (i) การใช้บริการหรือคุณสมบัติของตราสินค้าของ Google ในรูปแบบที่มีการแก้ไขหรือร่วมกับเนื้อหาที่ไม่ได้มาจาก Google และ (ii) เนื้อหา สารสนเทศ หรือข้อมูลที่มาจากลูกค้า ผู้ใช้ปลายทาง หรือบุคคลที่สาม
-
12.3 การละเมิดที่อาจเกิดขึ้น
-
ก. การซ่อมแซม ทดแทน หรือแก้ไข ถ้า Google มีเหตุอันควรให้เชื่อว่าบริการละเมิดสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สาม Google จะดำเนินการดังนี้: (ก) ขอรับสิทธิ์สำหรับลูกค้า โดยที่ Google แบกรับค่าใช้จ่ายเอง เพื่อดำเนินการใช้บริการต่อไป (ข) ให้ฟังก์ชันการทำงานที่เทียบเท่ากับบริการโดยไม่ละเมิดสิทธิ์ หรือ (ค) แก้ไขบริการเพื่อให้ไม่มีการละเมิดอีก
-
ข. การระงับหรือการยุติ ถ้า Google ไม่เชื่อว่าตัวเลือกข้างต้นสามารถทำได้อย่างสมเหตุสมผลในเชิงพาณิชย์ Google อาจระงับหรือยุติการใช้บริการที่ได้รับผลกระทบของลูกค้า ถ้า Google ยุติบริการที่ได้รับผลกระทบ Google จะคืนเงินให้ตามอัตราส่วนสำหรับค่าบริการที่ยังไม่มีการให้บริการและลูกค้าได้ชำระแล้ว ตามระยะเวลาหลังจากการยุติบริการดังกล่าว
-
-
12.4 ทั่วไป คู่สัญญาที่แสวงหาความคุ้มครองจะแจ้งให้อีกฝ่ายทราบโดยทันทีถึงการเรียกร้อง และร่วมมือกับอีกฝ่ายในการโต้แย้งการเรียกร้องนั้นๆ ฝ่ายที่ให้ความคุ้มครองจะสามารถควบคุมและมีอำนาจเต็มในการแก้ต่าง ยกเว้น: (ก) การระงับคดีที่กำหนดให้ฝ่ายที่ขอให้มีความคุ้มครองยอมรับผิด หรือชำระเงิน จะต้องได้รับความยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากฝ่ายนั้นก่อน และความยินยอมดังกล่าวจะต้องกระทำโดยไม่รีรอหรือล่าช้าโดยปราศจากเหตุผล และ (ข) อีกฝ่ายสามารถเข้าร่วมการแก้ต่างในคดีโดยมีทนายความของตนเองและแบกรับค่าใช้จ่ายเอง การให้ความคุ้มครองข้างต้นเป็นการชดเชยเพียงอย่างเดียวของคู่สัญญาตามข้อตกลงนี้ สำหรับการละเมิดโดยคู่สัญญาอีกฝ่าย ต่อสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของบุคคลที่สาม
-
-
13. ข้อจำกัดความรับผิด
-
13.1 ข้อจำกัดความรับผิดทางอ้อม คู่สัญญาแต่ละฝ่ายไม่มีความรับผิดตามข้อตกลงนี้ สำหรับกรณีการขาดรายได้หรือความเสียหายทางอ้อม กรณีพิเศษ กรณีที่เกิดขึ้นเอง เป็นผลจากเหตุการณ์อื่น เป็นกรณียกเว้น หรือความเสียหายที่เป็นบทลงโทษ แม้ว่าฝ่ายนั้นจะทราบหรือควรทราบว่ามีโอกาสที่จะเกิดความเสียหาย และแม้ว่าค่าเสียหายทางตรงจะไม่เพียงพอสำหรับการเยียวยา
-
13.2 ข้อจำกัดจำนวนเงินของความรับผิด คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายจะไม่มีความรับผิดตามข้อตกลงนี้มากกว่าจำนวนเงินที่ลูกค้าชำระให้แก่ GOOGLE ตามข้อตกลงนี้ในช่วงเวลา 12 เดือนก่อนเหตุการณ์ที่ทำให้เกิดความรับผิดขึ้น
-
13.3 ข้อยกเว้นของข้อจำกัด ข้อจำกัดความรับผิดเหล่านี้มีผลภายในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายอนุญาต แต่ไม่มีผลกับการละเมิดภาระหน้าที่ด้านการรักษาความลับ การละเมิดสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดยอีกฝ่าย หรือภาระหน้าที่ในการให้การคุ้มครอง
-
-
14. เบ็ดเตล็ด
-
14.1 การแจ้ง ยกเว้นที่ระบุไว้เป็นอย่างอื่นในที่นี้ (ก) การแจ้งทั้งหมดจะทำเป็นลายลักษณ์อักษรและส่งถึงฝ่ายกฎหมายและบุคคลที่ติดต่อของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย และ (ข) ถือว่าส่งมอบสมบูรณ์: (i) เมื่อยืนยันด้วยใบรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรถ้าส่งโดยผู้ให้บริการจัดส่งด้วยบุคคล การจัดส่งข้ามคืน หรือเมื่อได้รับถ้าส่งทางไปรษณีย์โดยไม่มีการยืนยันการรับ หรือ (ii) เมื่อยืนยันโดยใบรับอัตโนมัติหรือบันทึกอิเล็กทรอนิกส์ถ้าส่งทางโทรสารหรืออีเมล
-
14.2 การมอบหมาย คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายไม่สามารถมอบหมายหรือโอนส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อตกลงนี้หากไม่ได้รับความยินยอมจากอีกฝ่าย ยกเว้นแก่หน่วยงานในเครือ โดยมีเงื่อนไขดังนี้: (ก) ผู้รับมอบหมายยอมรับอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรที่จะมีข้อผูกพันตามข้อกำหนดของข้อตกลงนี้ และ (ข) ฝ่ายที่มอบหมายยังคงมีความรับผิดต่อภาระหน้าที่ที่เกิดขึ้นตามข้อตกลงนี้ก่อนที่จะมีการมอบหมาย การพยายามโอนหรือมอบหมายใดๆ จะถือเป็นโมฆะ
-
14.3 การเปลี่ยนการควบคุมเมื่อมีการเปลี่ยนการควบคุม (เช่น จากการซื้อหรือขายหุ้น การควบรวมกิจการ หรือธุรกรรมขององค์กรแบบอื่นๆ): (ก) ฝ่ายที่มีการเปลี่ยนแปลงอำนาจการควบคุมจะแจ้งให้อีกฝ่ายทราบอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 30 วันนับจากการเปลี่ยนแปลงการควบคุม และ (ข) อีกฝ่ายสามารถยุติข้อตกลงนี้ได้ตลอดเวลาตั้งแต่การเปลี่ยนการควบคุมไปจนครบ 30 วันนับจากที่ได้รับแจ้งอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรตามข้อ (ก)
-
14.4 สิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุม คู่สัญญาจะไม่มีความรับผิดต่อผลการปฏิบัติงานที่ไม่เพียงพอ ภายในขอบเขตที่เกิดจากเงื่อนไข (เช่น ภัยพิบัติตามธรรมชาติ สงครามหรือการก่อการร้าย จราจล เหตุการณ์เกี่ยวกับแรงงาน การกระทำของภาครัฐ และความขัดข้องของอินเทอร์เน็ต) ที่อยู่นอกเหนือการควบคุมที่สมเหตุสมผลของคู่สัญญา
-
14.5 ไม่มีการสละสิทธิ์ การไม่บังคับใช้ข้อบัญญัติใดๆ ในข้อตกลงนี้ไม่ถือเป็นการสละสิทธิ์ตามข้อบัญญัติ
-
14.6 การเป็นโมฆะบางส่วน ถ้าข้อบัญญัติใดๆ ในข้อตกลงนี้ถูกชี้ขาดว่าไม่สามารถบังคับใช้ได้ ส่วนอื่นๆ ของข้อตกลงจะยังคงมีผลสมบูรณ์
-
14.7 ไม่มีตัวแทน คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเป็นคู่สัญญาอิสระ และข้อตกลงนี้ไม่ถือเป็นการสร้างสถานะตัวแทน พาร์ทเนอร์ หรือกิจการร่วมค้า
-
14.8 ไม่มีผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นบุคคลที่สาม ข้อตกลงนี้ไม่มีผู้รับผลประโยชน์ที่เป็นบุคคลที่สาม
-
14.9 การชดเชยที่สามารถกระทำได้ ข้อตกลงนี้ไม่มีการจำกัดความสามารถของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดในการแสวงหาการชดเชยที่สามารถกระทำได้
-
14.10 กฎหมายที่มีผลบังคับ ข้อตกลงนี้อยู่ภายใต้กฎหมายของรัฐแคลิฟอร์เนีย ยกเว้นกฎการเลือกกฎหมายของรัฐ สำหรับข้อพิพาทที่เกิดจาก หรือเกี่ยวข้องกับข้อตกลง คู่สัญญายินยอมที่จะอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลอันเป็นส่วนบุคคลและเฉพาะตัวของศาลที่อยู่ในซานตาคลาราเคาท์ตี แคลิฟอร์เนีย
-
14.11 การแก้ไขการแก้ไขใดๆ จะต้องกระทำเป็นลายลักษณ์อักษร และระบุอย่างชัดเจนว่าเป็นการแก้ไขข้อตกลงนี้
-
14.12 การมีผลบังคับหลังจากยุติ ข้อต่อไปนี้จะมีผลแม้ว่าข้อตกลงนี้จะหมดอายุหรือยุติลงแล้ว: มาตรา 3, 6, 7.1, 11.2, 12, 13, 14 และ 15
-
14.13 ข้อตกลงทั้งหมด ข้อตกลงนี้ และเอกสารทั้งหมดที่อ้างถึงในที่นี้ เป็นข้อตกลงทั้งหมดของคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายเกี่ยวกับหัวเรื่องนี้ และมีผลเหนือกว่าข้อตกลงที่ทำก่อนหน้านี้หรือขณะเดียวกันในหัวข้อเดียวกัน ข้อกำหนดที่มีอยู่ที่ URL และอ้างอิงในข้อตกลงนี้ ให้ถือว่ามีการรวมไว้ในที่นี้ด้วยวิธีอ้างอิง
-
14.14 การตีความข้อกำหนดที่ขัดแย้งกัน ถ้ามีข้อขัดแย้งระหว่างเอกสารที่ประกอบขึ้นเป็นข้อตกลงนี้ เอกสารจะมีผลบังคับตามลำดับต่อไปนี้: หน้าคำสั่งซื้อ ข้อตกลง และข้อกำหนดที่อยู่ใน URL ใดๆ ถ้าลูกค้าลงชื่อในข้อตกลงฉบับที่เป็นเอกสารทางกายภาพกับ Google เพื่อรับบริการ ข้อตกลงฉบับที่เป็นเอกสารจะมีผลเหนือกว่าข้อตกลงออนไลน์นี้
-
14.15 สัญญาคู่ฉบับ คู่สัญญาแต่ละฝ่ายทำข้อตกลงนี้เป็นคู่ฉบับ รวมถึงทางโทรสาร PDF หรือสำเนาอิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ ซึ่งจะถือรวมกันเป็นเอกสารสัญญา 1 ฉบับ
-
-
15. คำนิยาม
-
"นโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้" หมายถึงนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้สำหรับบริการที่มีใน
www.google.com/apps/terms/use_policy.html หรือ URL อื่นที่ Google แจ้งให้ทราบ -
"ผู้จัดการบัญชี" หมายถึงบุคลากรด้านธุรกิจของ Google ที่ทำงานร่วมกับลูกค้าเกี่ยวกับการซื้อบริการของลูกค้า
-
"บัญชีผู้ดูแลระบบ" หมายถึงบัญชีสำหรับการดูแลระบบที่มีให้กับลูกค้าโดย Google เพื่อวัตถุประสงค์ในการดูแลระบบของบริการ การใช้บัญชีผู้ดูแลระบบต้องใช้รหัสผ่าน ซึ่ง Google จะจัดให้แก่ลูกค้า
-
"คอนโซลผู้ดูแลระบบ" หมายถึงเครื่องมือออนไลน์ที่มีให้โดย Google แก่ลูกค้าเพื่อใช้ในการรายงานและฟังก์ชันการดูแลระบบอื่นๆ
-
"ผู้ดูแลระบบ" หมายถึงบุคลากรด้านเทคนิคที่ลูกค้ากำหนดซึ่งดูแลระบบบริการแก่ผู้ใช้ปลายทางในนามของลูกค้า
-
"โฆษณา" หมายถึงโฆษณาออนไลน์ที่แสดงแก่ผู้ใช้ปลายทางโดย Google
-
"หน่วยงานในเครือ" หน่วยงานใดๆ ก็ตามที่ควบคุม ถูกควบคุม หรืออยู่ภายใต้การควบคุมทั้งทางตรงและทางอ้อมโดยฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
-
"คุณลักษณะเกี่ยวกับแบรนด์" หมายถึงชื่อทางการค้า เครื่องหมายการค้า เครื่องหมายการบริการ โลโก้ ชื่อโดเมน และคุณลักษณะเฉพาะที่เป็นตราสินค้าของคู่สัญญาแต่ละฝ่าย ซึ่งฝ่ายนั้นๆ ถือครองในเวลานั้นๆ
-
"ข้อมูลที่เป็นความลับ" หมายถึงข้อมูลที่เปิดเผยโดยฝ่ายหนึ่งแก่อีกฝ่าย ตามข้อตกลงนี้ที่มีการระบุว่าเป็นความลับ หรือถือเป็นความลับในกรณีปกติตามสถานการณ์นั้นๆ ข้อมูลของลูกค้าคือข้อมูลที่เป็นความลับของลูกค้า
-
"ข้อมูลของลูกค้า" หมายถึงข้อมูลต่างๆ รวมถึงอีเมล ที่มีให้ สร้างขึ้น ส่งผ่านหรือแสดงผ่านทางบริการโดยลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทาง
-
"ชื่อโดเมนของลูกค้า" หมายถึงชื่อโดเมนที่ลูกค้าเป็นเจ้าของหรือควบคุม ซึ่งจะใช้ร่วมกับบริการตามที่ระบุไว้ในฟอร์มคำสั่งซื้อ
-
"ปัญหาด้านความปลอดภัยที่เป็นกรณีฉุกเฉิน" หมายถึงข้อใดข้อหนึ่งต่อไปนี้: (ก) การใช้บริการของลูกค้าในลักษณะที่ละเมิดนโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้ ซึ่งอาจรบกวน: (i) บริการ (ii) การใช้บริการของลูกค้ารายอื่น หรือ (iii) เครือข่ายหรือเซิร์ฟเวอร์ของ Google ที่ใช้เพื่อให้บริการ หรือ (ข) การเข้าถึงบริการของบุคคลที่สามโดยไม่ได้รับอนุญาต
-
"ผู้ใช้ปลายทาง" หมายถึงบุคคลที่ลูกค้าอนุญาตให้ใช้บริการ
-
บัญชีผู้ใช้ปลายทาง หมายถึงบัญชีที่ Google ให้บริการซึ่งกำหนดโดยลูกค้าผ่านบริการสำหรับผู้ใช้ปลายทาง
-
"กฎหมายควบคุมการส่งออก" หมายถึงกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่ควบคุมการส่งออกและการส่งออกซ้ำ รวมถึง Export Administration Regulations ("EAR") ที่บังคับใช้โดยกระทรวงพาณิชย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา การลงโทษทางการค้าและเศรษฐกิจที่บังคับใช้โดยสำนักงานควบคุมสินทรัพย์ในต่างประเทศของกระทรวงการคลังของประเทศสหรัฐอเมริกา และ International Traffic in Arms Regulations ("ITAR") ที่บังคับใช้โดยกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสหรัฐอเมริกา
-
"ค่าธรรมเนียม" หมายถึงจำนวนเงินที่ Google เรียกเก็บจากลูกค้าเป็นค่าบริการตามที่อธิบายไว้ในหน้าคำสั่งซื้อ
-
"ศูนย์ช่วยเหลือ" หมายถึงศูนย์ช่วยเหลือของ Google ที่สามารถเข้าถึงได้ที่
support.google.com หรือ URL อื่นที่ Google อาจมีให้ -
"กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูง" หมายถึงการใช้งาน เช่น การปฏิบัติการในหน่วยงานด้านนิวเคลียร์ การควบคุมการจราจรทางอากาศ หรือระบบช่วยชีวิต ซึ่งการใช้งานหรือการทำงานล้มเหลวของบริการอาจนำไปสู่การเสียชีวิต การบาดเจ็บ หรือความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม
-
"HIPAA" หมายถึงกฎหมาย Health Insurance Portability and Accountability Act ปี ค.ศ. 1996 ซึ่งอาจมีการแก้ไขในบางเวลา ตลอดจนระเบียบข้อบังคับที่ออกตามอำนาจของกฎหมายดังกล่าว
-
"ระยะเวลาของบริการเริ่มต้น" หมายถึงระยะเวลาสำหรับบริการที่เกี่ยวข้อง เริ่มจากวันที่เริ่มต้นบริการและดำเนินต่อไปเป็นเวลา 12 เดือน (หรือระยะเวลาที่กำหนดในหน้าคำสั่งซื้อ ถ้าแตกต่างจากนี้)
-
"สิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญา" หมายถึงสิทธิ์ทั่วโลกทั้งในปัจจุบันและอนาคตตามกฎหมายสิทธิบัตร กฎหมายลิขสิทธิ์ กฎหมายว่าด้วยเครื่องหมายการค้า กฎหมายสิทธิ์โดยชอบธรรมและสิทธิ์อื่นๆ ที่คล้ายกัน
-
"ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ Google Workspace" หมายถึงผลิตภัณฑ์ Google ที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของบริการ แต่ผู้ใช้ปลายทางอาจเข้าถึงได้โดยลงชื่อเข้าใช้และใช้รหัสผ่านที่มี ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ Google Workspace คือผลิตภัณฑ์ที่กำหนดไว้ที่ URL
www.google.com/support/a/bin/answer.py?answer=181865 หรือ URL อื่นที่ Google อาจมีให้ -
"ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช่ Google Workspace" หมายถึงข้อกำหนดที่มีให้ใน URL ต่อไปนี้
www.google.com/apps/terms/additional_services.html หรือ URL อื่นที่ Google แจ้งให้ทราบ -
"ที่อยู่อีเมลสำหรับการแจ้งเตือน" หมายถึงที่อยู่อีเมลที่ลูกค้ากำหนดเพื่อรับการแจ้งเตือนทางอีเมลจาก Google ลูกค้าสามารถเปลี่ยนที่อยู่อีเมลนี้ได้ผ่านทางคอนโซลผู้ดูแลระบบ
-
"หน้าคำสั่งซื้อ" หมายถึงหน้าคำสั่งซื้อออนไลน์ที่ลูกค้ากรอกข้อมูลในการลงชื่อสมัครใช้บริการหรือที่แนบมากับข้อตกลงนี้ และประกอบด้วย: (i) บริการที่สั่งซื้อ (ii) ค่าบริการ (iii) จำนวนบัญชีผู้ใช้ปลายทาง และระยะเวลาให้บริการเริ่มต้น (iv) วิธีชำระเงินที่ใช้ได้ (เช่น บัตรเครดิตที่ถูกต้อง) และ (v) ชื่อโดเมนของลูกค้า
-
"วันที่เริ่มต้นบริการ" คือวันที่ Google จัดให้ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ วันที่นี้จะอยู่ใน 1 สัปดาห์นับจากที่ Google ได้รับหน้าคำสั่งซื้อที่มีข้อมูลครบถ้วน ยกเว้นกรณีที่คู่สัญญาตกลงไว้เป็นอย่างอื่น
-
"หน้าเว็บบริการ" หมายถึงหน้าเว็บที่แสดงบริการแก่ผู้ใช้ปลายทาง
-
"บริการ" หมายถึงบริการหลักที่เกี่ยวข้องของ Google Workspace (เช่น Google Workspace Premier Edition หรือ Google Workspace และ Google ห้องนิรภัย) ที่ Google จัดหาให้และใช้โดยลูกค้าภายใต้ข้อตกลงฉบับนี้ อ่านข้อมูลบริการดังกล่าวได้ที่นี่:
www.google.com/apps/terms/user_features.html หรือจาก URL อื่นที่ Google แจ้งให้ทราบ -
"ระยะเวลาของบริการ" หมายถึงระยะเวลาของบริการเริ่มต้นและระยะเวลาต่ออายุทั้งหมดสำหรับบริการนั้นๆ
-
"SLA" หมายถึงข้อตกลงระดับการให้บริการที่อยู่ที่นี่
www.google.com/a/help/admins/sla.html หรือ URL อื่นที่ Google อาจมีให้ -
"ระงับ" หมายถึงการปิดการเข้าถึงบริการหรือบางส่วนของบริการ ตามแต่กรณี ในทันทีเพื่อป้องกันการใช้บริการ
-
"ภาษี" หมายถึงอากร ภาษีศุลกากร หรือภาษี (นอกเหนือจากภาษีเงินได้ของ Google) ที่เชื่อมโยงกับการขายบริการ รวมถึงค่าปรับและดอกเบี้ยที่เกี่ยวข้อง
-
"ข้อกำหนด" หมายถึงข้อกำหนดของข้อตกลง ซึ่งจะเริ่มต้น ณ วันที่มีผลต่อเนื่องไปจนถึง (i) การสิ้นสุดระยะเวลาของบริการ หรือ (ii) ข้อตกลงสิ้นสุดลงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในที่นี้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าข้อใดเกิดขึ้นก่อน
-
"คำขอของบุคคลที่สาม" หมายถึงคำขอจากบุคคลที่สามสำหรับระเบียนข้อมูลเกี่ยวกับการใช้บริการของผู้ใช้ปลายทาง คำขอของบุคคลที่สามอาจเป็นหมายค้นตามกฎหมาย คำสั่งศาล หมายศาล คำสั่งตามกฎหมายที่มีผลบังคับอื่นๆ หรือคำยินยอมอย่างเป็นลายลักษณ์อักษรจากผู้ใช้ปลายทางที่อนุญาตให้มีการเปิดเผย
-
"TSS" หมายถึงบริการสนับสนุนทางเทคนิคที่มีให้โดย Google แก่ผู้ดูแลระบบระหว่างระยะเวลาตามหลักเกณฑ์ TSS
-
"หลักเกณฑ์ TSS" หมายถึงหลักเกณฑ์ของบริการสนับสนุนทางเทคนิคของ Google ที่มีผลในขณะนั้นสำหรับบริการ หลักเกณฑ์ TSS มีอยู่ที่ URL ต่อไปนี้
www.google.com/a/help/admins/tssg.html หรือ URL อื่นที่ Google อาจมีให้ -
"ข้อกำหนดของ URL" หมายถึง "นโยบายการใช้งานที่ยอมรับได้", "ข้อตกลงระดับการให้บริการ" และ "หลักเกณฑ์ TSS"
-
-