ข้อกำหนดเฉพาะบริการ Google Workspace

แก้ไขล่าสุด: 21 ธันวาคม 2020

คำสำคัญซึ่งไม่ได้ให้คำนิยามไว้ในข้อกำหนดเฉพาะบริการเหล่านี้สำหรับ Google Workspace (ก่อนหน้านี้เรียกว่า G Suite) จะมีความหมายตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงหลักของกำหนดเวลาบริการ Google Workspace สำหรับ Google Cloud, ข้อตกลง Google Workspace for Education หรือข้อตกลงที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ซึ่งควบคุมการใช้บริการของ Google Workspace (ในแต่ละกรณีเรียกว่า "ข้อตกลง")

    1. 1. เขตข้อมูล ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับบริการของ Google Workspace และข้อมูลของลูกค้าที่อธิบายไว้ในนิยามของ "ข้อมูลที่ระบุตำแหน่ง" ในส่วนที่ 1.3 (คำนิยาม) ของข้อกำหนดเฉพาะบริการดังต่อไปนี้เท่านั้น

      1. 1.1 พื้นที่เก็บข้อมูลหลัก หากใช้บริการรุ่นที่มีคุณสมบัติอยู่ ลูกค้าอาจใช้คอนโซลผู้ดูแลระบบเพื่อเลือกเขตข้อมูลในการจัดเก็บข้อมูลที่ระบุซึ่งไม่มีการเคลื่อนไหว และ Google จะจัดเก็บข้อมูลที่ระบุดังกล่าวตามกฎหมายที่มีผลบังคับใช้ ("นโยบายเขตข้อมูลของ Google Workspace")

      2. 1.2 ข้อจำกัด ในกรณีข้อมูลลูกค้าที่นโยบายเขตข้อมูลของ Google Workspace ไม่ครอบคลุม Google อาจจัดเก็บข้อมูลลูกค้าที่นโยบายเขตข้อมูลของ Google Workspace ไม่ครอบคลุมไว้ที่ใดก็ได้ที่ Google หรือผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยเป็นผู้ดูแลสถานที่ ซึ่งอยู่ภายใต้ข้อ 10.2 (การโอนข้อมูล) ของการแก้ไขการประมวลผลข้อมูล (หากมี)

      3. 1.3 คำนิยาม
        1. "ข้อมูลที่ระบุตำแหน่ง" หมายถึงข้อมูลหลักต่อไปนี้ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของข้อมูลลูกค้าสำหรับบริการที่เกี่ยวข้องเท่านั้น

          1. (ก) Gmail: บรรทัดเรื่องและเนื้อหาของอีเมล ไฟล์แนบ รวมทั้งผู้ส่งและผู้รับข้อความ
          2. (ข) Google ปฏิทิน: ชื่อและรายละเอียดกิจกรรม วันที่ เวลา ผู้ได้รับเชิญ ความถี่ และสถานที่
          3. (ค) Google เอกสาร, Google ชีต และ Google สไลด์: ข้อความในไฟล์ รูปภาพที่ฝัง และความคิดเห็นซึ่งผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องสร้างขึ้น
          4. (ง) Google ไดรฟ์: เนื้อหาไฟล์ต้นฉบับที่อัปโหลดไปยังไดรฟ์
          5. (จ) Hangouts Chat: ข้อความและไฟล์แนบ
          6. (ฉ) Google ห้องนิรภัย: ข้อมูลส่งออกของห้องนิรภัย
        2. "เขตข้อมูล" หมายถึง (ก) สหรัฐอเมริกา หรือ (ข) ยุโรป

        3. "รุ่นที่มีคุณสมบัติ" หมายถึงรุ่นต่อไปนี้

          1. (ก) G Suite Business
          2. (ข) Google Workspace Enterprise Plus
          3. (ค) Google Workspace Enterprise for Education
    2. 2. Google ห้องนิรภัย ข้อกำหนดต่อไปนี้ใช้กับ Google ห้องนิรภัยเท่านั้น

      1. 2.1 การเก็บรักษา Google ไม่มีภาระหน้าที่ในการเก็บรักษาข้อมูลลูกค้าที่เก็บไว้หลังจากสิ้นสุดระยะเวลาการเก็บรักษาที่ลูกค้าระบุหรือระยะคำสั่งซื้อซึ่งมีผลกับใบอนุญาต Google ห้องนิรภัยที่เกี่ยวข้อง เว้นแต่ว่า (ก) มีการต่ออายุระยะเวลาการเก็บรักษาหรือระยะคำสั่งซื้อ (ข) กฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือกระบวนการทางกฎหมายป้องกันไม่ให้ Google ลบข้อมูลดังกล่าว หรือ (ค) ข้อมูลนี้อยู่ภายใต้การเก็บรักษาระหว่างดำเนินคดีซึ่งเรียกร้องโดยลูกค้า หากลูกค้าไม่ต่ออายุการซื้อและใช้งาน Google ห้องนิรภัย Google จะไม่มีภาระหน้าที่ในการเก็บรักษาข้อมูลลูกค้าที่เก็บไว้

    3. 3. Google Workspace Essentials ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ Google Workspace Essentials เท่านั้น

      1. 3.1 การออกใบแจ้งหนี้

        1. (ก) หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials จาก Google โดยตรง (1) Google ต้องส่งใบแจ้งหนี้ให้ลูกค้าเป็นรายเดือนเพื่อแจ้งค่าธรรมเนียมที่สะสมในช่วงเดือนที่ผ่านมา เว้นแต่ว่าจะระบุไว้เป็นอย่างอื่นใน URL ที่ระบุค่าธรรมเนียมสำหรับ SKU ที่เกี่ยวข้อง และ (2) ลูกค้าจะมียอดสะสมและต้องชำระค่าธรรมเนียมทั้งหมดโดยอ้างอิงตาม (ก) จำนวนผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ต่อเดือนของลูกค้า (หรือหากลูกค้าไม่มีผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ในเดือนนั้น ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่ขั้นต่ำคือหนึ่ง (1) รายในเดือนนั้น) และ (ข) การซื้อตามสัญญาผูกมัดหรือข้อผูกมัดขั้นต่ำ (หากมี) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของภาระหน้าที่ในการชำระและเรียกเก็บเงินระหว่าง Google และลูกค้า จะมีการใช้เครื่องมือวัดของ Google เพื่อกำหนดการใช้บริการของลูกค้า หากเกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียม
        2. (ข) ค่าธรรมเนียมสำหรับลูกค้าจากพาร์ทเนอร์ หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials จากตัวแทนจำหน่าย ลูกค้าและตัวแทนจำหน่ายจะเป็นผู้กำหนดค่าธรรมเนียมร่วมกัน เว้นแต่ว่าจะมีการใช้เครื่องมือวัดของ Google เพื่อกำหนดการใช้บริการของลูกค้า หากเกี่ยวข้องกับค่าธรรมเนียม
      2. 3.2 Google สามารถบล็อกพฤติกรรมใดๆ ที่เป็นการพยายามหลีกเลี่ยงการติดตามและการเรียกเก็บเงินสำหรับผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่หรือพื้นที่เก็บข้อมูล

      3. 3.3 เครดิต SLA หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials โดยตรง จะมีการคืนเครดิตการบริการซึ่งอาจต้องจ่ายคืนให้กับลูกค้าในรูปแบบของเครดิตเงินคืน (ไม่ใช่ระยะเวลาใช้บริการเพิ่มเติม) ซึ่งจะมีการนำไปใช้กับใบแจ้งหนี้ครั้งถัดไปของลูกค้า หากลูกค้าสั่งซื้อรุ่น Google Workspace Essentials จากตัวแทนจำหน่าย Google จะคืนเครดิตการบริการซึ่งอาจต้องจ่ายคืนให้กับลูกค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายในรูปแบบเครดิตเงิน (ไม่ใช่ระยะเวลาใช้บริการเพิ่มเติม)

      4. 3.4 คำนิยาม “ผู้ใช้ที่ใช้งานอยู่” หมายถึงผู้ใช้ปลายทางซึ่ง (ก) จัดหรือเข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอใน Google Meet อย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงเดือนดังกล่าว หรือ (ข) เปิดไฟล์ใน Google ไดรฟ์อย่างน้อย 1 ครั้งในช่วงเดือนตามปฏิทิน

    4. 4. Cloud Search ข้อกำหนดต่อไปนี้ใช้กับ Cloud Search เท่านั้น

      1. 4.1 แหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม การใช้งานแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สามของลูกค้าร่วมกับ Cloud Search Platform จะอยู่ภายใต้และได้รับการคุ้มครองโดยข้อกำหนดในการให้บริการและข้อตกลงอื่นๆ ระหว่างลูกค้ากับผู้ให้บริการแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สามที่เกี่ยวข้อง ("ข้อกำหนดเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม") ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวต่อการปฏิบัติตามข้อกำหนดเกี่ยวกับแหล่งข้อมูลของบุคคลที่สาม ซึ่งรวมถึงการตรวจสอบสิทธิ์ที่จำเป็นเพื่ออนุญาตให้ Google เข้าถึงหรือใช้แหล่งข้อมูลของบุคคลที่สามดังกล่าวเพื่อการจัดสรรบริการแพลตฟอร์ม Cloud Search ให้แก่ลูกค้า

      2. 4.2 คำนิยามเพิ่มเติม

        1. "รายการ" หรือ "เอกสาร" หมายถึงเนื้อหาดิจิทัลใดๆ ที่ Cloud Search จัดทำดัชนีได้ ซึ่งรวมถึงไฟล์ DOCS, XLS, PPT, PDF, แถวในฐานข้อมูล, URL ที่ไม่ซ้ำ หรือประเภทไฟล์ใดๆ ที่รองรับ หากมี

        2. "คำค้นหา" หมายถึงคำขอที่ลูกค้าส่งถึง Google เพื่อใช้ Cloud Search ในการเรียกดูข้อมูลหรือชุดผลลัพธ์

        3. "แอปพลิเคชันการค้นหา" หมายถึงการกำหนดค่า Cloud Search ที่ลูกค้าหรือผู้ที่ลูกค้าแต่งตั้งสร้างและจัดการเพื่อใช้สำหรับกรณีใช้งานในธุรกิจที่เจาะจง เช่น การค้นหาในเอกสารต่างๆ ในพอร์ทัลอินทราเน็ตหรือเครื่องมือสนับสนุนของลูกค้า

    5. 5. Cloud Identity Management ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ Cloud Identity Management เท่านั้น และดังที่ใช้กับ Cloud Identity Management, Google Contacts และ Google Groups for Business (เรียกรวมกันว่า "บริการของ Cloud Identity")

      1. 5.1 ข้อตกลงที่บังคับใช้ภายหลัง หากลูกค้าเข้าร่วมข้อตกลงแยกต่างหากในภายหลังซึ่ง Google หรือพาร์ทเนอร์ของ Google ยอมรับเพื่อให้บริการ Cloud Identity ข้อตกลงในภายหลังจะมีผลแทนข้อตกลงนี้ที่เกี่ยวข้องกับบริการ Cloud Identity หากข้อตกลงนี้สิ้นสุดหรือหมดอายุ Google จะยังคงให้บริการ Cloud Identity ต่อไปตามข้อตกลงของ Cloud Identity หากมี เว้นแต่หรือจนกว่าข้อตกลงดังกล่าวจะสิ้นสุดหรือหมดอายุตามที่ระบุไว้ในข้อตกลง "ข้อตกลงของ Cloud Identity" หมายถึงข้อตกลงในการให้บริการ Cloud Identity ที่จัดทำขึ้นโดยทั้งสองฝ่ายก่อนที่ข้อตกลงนี้จะสิ้นสุดหรือหมดอายุ

    6. 6. ข้อกำหนดเกี่ยวกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป Google สามารถให้บริการฟีเจอร์ บริการ หรือซอฟต์แวร์ของ Google Workspace ก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปแก่ลูกค้าโดยระบุว่าเป็น "ทดลองใช้ก่อนเปิดตัว" "อัลฟ่า" "เบต้า" "พรีวิว" "ทดลอง" หรือชื่อระบุที่คล้ายกันในข้อมูลสรุปของบริการ เอกสารประกอบหรือเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง หรือใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบได้ (ตามที่ให้คำนิยามไว้ด้านล่าง) (เรียกรวมกันว่า "ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป") แม้ว่าข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะไม่ใช่บริการ แต่การใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปของลูกค้าจะขึ้นอยู่กับข้อกำหนดของข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับบริการตามที่มีการแก้ไขในส่วนที่ 6 นี้

      1. 6.1 การเข้าถึงและใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

        1. (ก) ใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบ ลูกค้าสามารถสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบสำหรับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปอย่างน้อย 1 รายการได้โดยการส่งใบสมัครผ่านคอนโซลผู้ดูแลระบบหรือจาก Google ("ใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบ") หาก Google ตอบรับให้ลูกค้าเป็นผู้ใช้ทดสอบของข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปรายการใดๆ (อิงตามข้อกำหนดระดับโดเมนในปัจจุบัน ณ ขณะนั้นของ Google สำหรับผู้ใช้ทดสอบ) Google จะอนุญาตให้ลูกค้าใช้งานข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปดังกล่าวโดยเป็นไปตามข้อกำหนดของข้อ 6 นี้ ข้อกำหนดเพิ่มเติม ("ข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการทดสอบ") สามารถมีผลกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปดังกล่าว และ Google ต้องแจ้งแก่ผู้ใช้ผ่านใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบหรือระบุเป็นลายลักษณ์อักษรก่อนที่ลูกค้าจะใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป หากมี ใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบและข้อกำหนดเฉพาะสำหรับการทดสอบจะรวมอยู่ในข้อ 6 นี้

        2. (ข) การใช้ข้อมูลการทดสอบของลูกค้า Google สามารถ และลูกค้าต้อง (รวมถึงโดยการรวบรวมหรือให้คำยินยอมหรือการแจ้งเตือนที่จำเป็น) จัดแจงให้ Google สามารถใช้ข้อมูลของลูกค้า (ซึ่งรวมถึงข้อมูลส่วนตัวของลูกค้า) ที่ส่ง จัดเก็บ ให้ หรือได้รับผ่านข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปใดๆ จากลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางได้ ("ข้อมูลการทดสอบของลูกค้า") โดยขึ้นอยู่กับส่วนที่ 6(ง) (ข้อจำกัดในการใช้งานของลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล) ของส่วนที่ 6 นี้ เพื่อให้ ทดสอบ วิเคราะห์ พัฒนา และปรับปรุงข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปเหล่านั้น รวมทั้งผลิตภัณฑ์และบริการใดๆ ของ Google ที่ใช้ร่วมกันโดยไม่มีข้อจำกัดหรือภาระหน้าที่ต่อลูกค้า ผู้ใช้ปลายทาง หรือบุคคลที่สามรายใดๆ นอกเหนือจากที่ระบุไว้ในบทบัญญัติด้านการรักษาข้อมูลที่เป็นความลับของข้อตกลงนี้และตามที่ระบุไว้ด้านล่าง

        3. หากลูกค้ายินยอมหรือทุกฝ่ายยอมรับข้อกำหนดของ Google ปัจจุบันในขณะนั้นซึ่งอธิบายเกี่ยวกับภาระหน้าที่ด้านการปกป้องและการประมวลผลข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลของลูกค้าตามที่ระบุไว้ที่ https://workspace.google.com/terms/dpa_terms.html ("การแก้ไขการประมวลผลข้อมูล" หรือ "DPA") DPA จะมีผลกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปในฐานะ "บริการ" เพื่อวัตถุประสงค์ของ DPA นี้ และส่วนที่ 6 นี้จะประกอบขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของ "ข้อตกลง" ตามที่อ้างอิงถึงในส่วนที่ 5.2.1 (คำแนะนำของลูกค้า) ของ DPA เพื่อความชัดเจน โดยขึ้นอยู่กับการแก้ไขดังต่อไปนี้

          1. (1) ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปไม่ได้เป็น "บริการที่ได้รับการตรวจสอบ" ภายใต้ DPA
          2. (2) ลูกค้ารับทราบว่า เพื่อวัตถุประสงค์ของส่วนที่ 6.1 (การลบระหว่างระยะเวลา) ของ DPA นี้และภายในขอบเขตซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องกำหนด ฟังก์ชันการทำงานของข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถอนุญาตให้ลบข้อมูลการทดสอบของลูกค้าในช่วงเวลาที่ลูกค้าได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ("ระยะเวลาของข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป") แต่เราจะลบข้อมูลการทดสอบของลูกค้าเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาดังกล่าวตามส่วนที่ 6.2 (การลบเมื่อสิ้นสุดระยะเวลา) ของ DPA
          3. (3) หากไม่ได้ระบุไว้เป็นอย่างอื่นในใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบที่เกี่ยวข้อง (กก) ข้อมูลเกี่ยวกับผู้ประมวลผลข้อมูลย่อย (ตามที่ให้คำนิยามไว้ใน DPA) ที่มีส่วนร่วมโดยเกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป ซึ่งรวมถึงข้อมูลฟังก์ชันและตำแหน่งที่ตั้ง ต้องพร้อมให้เข้าถึงได้เป็นลายลักษณ์อักษรโดย Google ตามคำขอจากลูกค้า และ (ขข) Google ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมระหว่างระยะเวลาก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปของผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยรายใหม่ซึ่งเป็นบุคคลที่สามใดๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป (รวมถึงชื่อและตำแหน่งที่ตั้งของผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยและกิจกรรมต่างๆ) โดยการส่งอีเมลถึงที่อยู่อีเมลสำหรับการแจ้งเตือนก่อนที่ผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยจะเริ่มประมวลผลข้อมูลการทดสอบของลูกค้า ลูกค้าสามารถงดเว้นการใช้ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปที่เกี่ยวข้องในฐานะวิธีการเยียวยาเพียงวิธีเดียวสำหรับลูกค้าได้ หากลูกค้าไม่ยอมรับการมีส่วนร่วมของผู้ประมวลผลข้อมูลย่อยรายดังกล่าว
        4. (ค) ไม่มีการระบุตำแหน่งข้อมูลหรือความโปร่งใสในการเข้าถึง ข้อมูลการทดสอบของลูกค้าที่ประมวลผลภายใต้ส่วนที่ 6 นี้จะไม่ขึ้นอยู่กับข้อกำหนดด้านตำแหน่งข้อมูลหรือความโปร่งใสในการเข้าถึงใดๆ (ซึ่งดูได้ที่ https://cloud.google.com/access-transparency/ และ https://workspace.google.com/terms/service-terms)

        5. (ง) ข้อจำกัดในการใช้งานของลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล หากไม่มีการให้สิทธิ์เป็นลายลักษณ์อักษรโดย Google ลูกค้ากลุ่มต่อไปนี้จะใช้ข้อมูลการทดสอบหรือการทดลองกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปได้เท่านั้นและจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ข้อมูล "แบบเรียลไทม์" หรือข้อมูลเวอร์ชันใช้งานจริงซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป: ลูกค้าในสหรัฐฯ หรือลูกค้าที่เป็นหน่วยงานรัฐบาล ซึ่งรวมถึงรัฐบาลกลาง รัฐบาลในระดับประเทศ รัฐ จังหวัด หรือท้องถิ่น หรือนิติบุคคลหรือหน่วยกำกับดูแลกฎหมาย และไม่รวมลูกค้าที่เป็นสถาบันการศึกษา

        6. (จ) ความคิดเห็น ลูกค้าอาจแสดงความคิดเห็นและมอบข้อเสนอแนะเกี่ยวกับข้อเสนอก่อนเปิดตัว GA แก่ Google จากนั้น Google และบริษัทในเครืออาจใช้ความคิดเห็นหรือข้อเสนอแนะที่มอบให้โดยไม่มีข้อจำกัดและภาระหน้าที่ต่อลูกค้า

      2. 6.2 ข้อกำหนดอื่นๆ ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไปจะพร้อมใช้งาน "ตามที่มีอยู่" โดยไม่มีการรับประกันหรือรับรองอย่างชัดแจ้งหรือโดยนัยในรูปแบบใดๆ ข้อเสนอก่อนเวอร์ชันสำหรับผู้ใช้ทั่วไป (ก) อาจมีการเปลี่ยนแปลง ระงับ หรือยุติได้ทุกเมื่อโดยไม่ต้องแจ้งให้ลูกค้าทราบล่วงหน้า และ (ข) ไม่ได้รับความคุ้มครองโดย SLA หรือการชดใช้ค่าเสียหายโดย Google เว้นแต่จะระบุไว้เป็นอื่นโดยชัดแจ้งในใบสมัครเป็นผู้ใช้ทดสอบหรือเอกสารหรือเนื้อหาอื่นๆ สำหรับข้อเสนอก่อนเปิดตัว GA ที่ระบุ (1) ข้อเสนอก่อนเปิดตัว GA อาจไม่ได้รับการคุ้มครองภายใต้ TSS และ (2) ลูกค้าอาจไม่มีสิทธิใช้ข้อเสนอก่อนเปิดตัว GA เพื่อประมวลผลข้อมูลสุขภาพที่ได้รับการคุ้มครองซึ่งมีการให้นิยามไว้ใน HIPAA ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับข้อเสนอก่อนเปิดตัว GA ในขอบเขตสูงสุดซึ่งกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้การอนุญาต Google จะไม่รับผิดต่อจำนวนเงินที่เกินหรือน้อยกว่า (ก) ขีดจำกัดของจำนวนเงินสำหรับการรับผิดที่ระบุไว้ในข้อตกลงหรือ (ข) $25,000 ไม่มีสิ่งใดในประโยคที่กล่าวมาก่อนหน้านี้ที่จะมีผลต่อข้อกำหนดที่เหลือของข้อตกลงนี้ที่เกี่ยวข้องกับความรับผิด (รวมถึงข้อยกเว้นที่เจาะจงจากข้อจำกัดความรับผิดใดๆ) Google อาจยุติการใช้งานข้อเสนอก่อนเปิดตัว GA ของลูกค้าได้ทุกเมื่อโดยจะทำการแจ้งลูกค้าเป็นลายลักษณ์อักษร

    7. 7. การยืนยันโดยใช้อีเมลของโดเมน ข้อกำหนดเพิ่มเติมต่อไปนี้จะมีผลบังคับใช้เฉพาะเมื่อมีการยืนยันอีเมลของโดเมน (แทนที่จะเป็นชื่อโดเมน) เพื่อใช้บริการเท่านั้น

      1. 7.1 การเชิญผู้ใช้ปลายทาง ลูกค้าอาจเชิญผู้ใช้รายอื่นๆ ที่มีอีเมลของโดเมนให้ใช้บริการนี้ได้ หากผู้ใช้เหล่านั้นยอมรับคำเชิญของลูกค้าเพื่อใช้บริการดังกล่าว เราจะถือว่าผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าอยู่ภายใต้ข้อตกลงนี้

      2. 7.2 การยืนยันชื่อโดเมน

        1. (ก) บุคคลหรือนิติบุคคลใดๆ สามารถยืนยันชื่อโดเมนที่ตรงกับอีเมลของโดเมนได้ทุกเมื่อ ("ฝ่ายที่ทำการยืนยัน")

        2. (ข) หากฝ่ายที่ทำการยืนยันคือลูกค้าหรือผู้ดูแลระบบของลูกค้า ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของและมีสิทธิในการควบคุมบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องกับชื่อโดเมนและข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ใช้ปลายทางเหล่านั้นโดยทันทีหลังจากที่ยืนยันชื่อโดเมน

        3. (ค) ในกรณีอื่นๆ ทั้งหมด ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของและมีสิทธิในการควบคุมบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องกับชื่อโดเมนและข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับบัญชีผู้ใช้ปลายทางเหล่านั้นภายในระยะเวลา 72 ชั่วโมงนับจากการยืนยันชื่อโดเมน

        4. (ง) ระบบจะแจ้งลูกค้าและผู้ใช้ปลายทางเมื่อโดเมนได้รับการยืนยันแล้ว

        5. (จ) การดูแลระบบหลังจากการยืนยันชื่อโดเมน ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะมีสิทธิ์ดำเนินการต่างๆ ต่อไปนี้ซึ่งเกี่ยวข้องกับบัญชีของลูกค้าและบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมด (1) เข้าถึง ตรวจสอบ ใช้ แก้ไข ระงับ หรือเปิดเผยข้อมูลของลูกค้า (2) ควบคุมการตั้งค่าบัญชี (รวมถึงการเปลี่ยนรหัสผ่านบัญชี) (3) ควบคุมสิทธิเข้าถึงบริการและการใช้บริการต่างๆ (4) จำกัดสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลหรือการตั้งค่าต่างๆ (5) จำกัดสิทธิ์ยกเลิกการเชื่อมโยงบัญชีของลูกค้าและบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมด (รวมถึงข้อมูลลูกค้าและข้อมูลในบัญชีของลูกค้าและบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมด) (6) ลบหรือปิดใช้บริการ ผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม หรือบริการ/ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เปิดใช้ ใช้งานอยู่ ดาวน์โหลดไว้ หรือติดตั้งไว้โดยใช้บัญชีของลูกค้าหรือบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องกับชื่อโดเมนนี้ และ (7) ระงับหรือสิ้นสุดการใช้บริการเหล่านี้

      3. 7.3 การลบข้อมูล ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าจะมีสิทธิ์ลบหรือส่งออกข้อมูลของลูกค้าและ/หรือลบบัญชีผู้ใช้ปลายทางของตนเองได้ในลักษณะที่สอดคล้องกับฟังก์ชันและการดูแลระบบของบริการเหล่านี้ และยกเว้นกรณีที่การใช้บริการถูกระงับตามข้อกำหนดนี้ในเวลาใดๆ ก่อนที่ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของและมีสิทธิ์ควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (รวมถึงบัญชีของลูกค้า) หลังจากฝ่ายที่ทำการยืนยันเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้ว (รวมถึงบัญชีของลูกค้า) ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าอาจลบบัญชีผู้ใช้ปลายทางได้ แต่อาจลบหรือส่งออกข้อมูลของลูกค้าไม่ได้ โดยจะขึ้นอยู่กับการดูแลระบบของบริการเหล่านั้น

      4. 7.4 วิธีการประมวลผลข้อมูล หากไม่มีการลบหรือส่งออกข้อมูลของลูกค้าก่อนที่ฝ่ายที่ทำการยืนยันจะเป็นเจ้าของหรือมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องทั้งหมด (ซึ่งรวมถึงบัญชีของลูกค้า) แสดงว่าลูกค้ายอมรับว่าข้อกำหนดที่เฉพาะเจาะจงของบริการเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงและจะบันทึกคำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงของลูกค้าต่อ Google เพื่อดำเนินการต่อไปนี้ โดยไม่คำนึงถึงข้อกำหนดใดๆ ที่ว่าไว้เป็นอย่างอื่นในการแก้ไขการประมวลผลข้อมูล (หากมี) (ก) เก็บรักษาข้อมูลหลังจากการสิ้นสุดบริการของข้อตกลงตามที่อธิบายไว้ในข้อ 7.6 (การสิ้นสุดบริการหลังจากการยืนยันโดเมน) ข้อมูลของลูกค้าทั้งหมดที่ลูกค้ายังไม่ลบก่อนหน้าที่จะสิ้นสุดบริการ และ (ข) อนุญาตให้ฝ่ายที่ทำการยืนยันเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าที่เก็บรักษาไว้ทั้งหมดได้

      5. 7.5 คำยินยอมให้ดูแลระบบ ลูกค้ายินยอมอนุญาต (หากเกี่ยวข้อง) ให้ (ก) ฝ่ายที่ทำการยืนยันมีสิทธิเข้าถึงและมีความสามารถตามที่อธิบายไว้ในข้อตกลงนี้ และ (ข) Google จะต้องให้สิทธิเข้าถึงและความสามารถตามที่อธิบายไว้ในข้อตกลงนี้แก่ฝ่ายที่ทำการยืนยัน

      6. 7.6 การสิ้นสุดหลังจากการยืนยันโดเมน หากฝ่ายที่ทำการยืนยันเป็นบุคคลที่สาม ข้อตกลงนี้จะยุติโดยอัตโนมัติเมื่อฝ่ายที่ทำการยืนยันเป็นเจ้าของและมีสิทธิควบคุมชื่อโดเมนและบัญชีผู้ใช้ปลายทางทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง (ซึ่งรวมถึงบัญชีของลูกค้า) และเพื่อความชัดเจน ส่วนนี้จะไม่ส่งผลใดๆ ต่อสิทธิของผู้ใช้ปลายทางที่อาจได้รับมาจากฝ่ายที่ทำการยืนยันภายใต้ข้อตกลงของ Google Workspace ของฝ่ายดังกล่าว (ที่แยกต่างหาก)

      7. 7.7 ข้อจำกัดของบริการ บริการ ฟีเจอร์ และฟังก์ชันการทำงานบางอย่างอาจไม่พร้อมใช้งานเว้นแต่ว่าและจนกว่าจะยืนยันชื่อโดเมน

    8. 8. บริการโทรศัพท์ของ Google ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับ (1) Google Voice และ (2) การใช้ Google Meet เพื่อโทรออกและรับสายโทรเข้า ("โทรศัพท์ Google Meet") หากมี (และเพื่อจุดประสงค์ของส่วนที่ 8 นี้ จะเรียก Google Voice และโทรศัพท์ Google Meet รวมกันว่า "บริการโทรศัพท์ของ Google") ข้อกำหนดเหล่านี้มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับข้อจำกัดในบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน โปรดอ่านอย่างละเอียด

      1. 8.1 โครงสร้างข้อตกลงและฝ่ายต่างๆ ในบริการโทรศัพท์ของ Google

        1. (ก) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google บริษัทในเครือ Google ที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ในรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการที่เกี่ยวข้อง (บริษัทในเครือดังกล่าวในแต่ละกรณีซึ่งเรียกว่า "ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google" หรือ "GTSP") ต้องให้บริการโทรศัพท์ของ Google ที่เกี่ยวข้องแก่ลูกค้าตามที่อธิบายไว้ในส่วนที่ 8.1(ข) (โครงสร้างข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google) โดยขึ้นอยู่กับส่วนที่ 8.1(ง)

        2. (ข) โครงสร้างข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google นิติบุคคล Google Workspace เป็นตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องของ GTSP และทำสัญญาในนามของ GTSP ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการโทรศัพท์ของ Google เท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับส่วนที่ 8.1(ง) ตามที่ระบุดังกล่าว

          1. (1) หากลูกค้าเลือกสั่งซื้อบริการโทรศัพท์ใดๆ ของ Google นอกเหนือจากบริการอื่นที่ลูกค้าสั่งซื้อภายใต้ข้อตกลง ส่วนที่ 8.1 ร่วมกับข้อกำหนดอื่นๆ ของข้อตกลง (รวมถึงการแก้ไขการประมวลผลข้อมูลและข้อจำกัดความรับผิดทั้งหมด) จะประกอบขึ้นเป็นข้อตกลงแยกต่างหาก ("ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google") ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่าง GTSP ที่เกี่ยวข้อง (ผ่านนิติบุคคล Google Workspace ในฐานะตัวแทนที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง) และลูกค้าในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการโทรศัพท์ของ Google เท่านั้น โดยขึ้นอยู่กับข้อกำหนดส่วนที่เหลือของส่วนที่ 8.1 นี้
          2. (2) ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google จะมีผล ณ วันที่มีผลในใบสั่งซื้อบริการโทรศัพท์ของ Google เริ่มต้นของลูกค้า และจะดำเนินไปจนกว่าจะเกิดเหตุใดเหตุหนึ่งต่อไปนี้เป็นอันดับแรก (ก) การสิ้นสุดของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google ตามข้อกำหนด หรือ (ข) การสิ้นสุดหรือหมดอายุของข้อตกลง ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google จะมีผลแทนข้อตกลงเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริการโทรศัพท์ของ Google เท่านั้น
          3. (3) เพื่อจุดประสงค์ของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google การอ้างอิง (ยกเว้นการอ้างอิงในข้อมูลสรุปของบริการและส่วนที่ 8 นี้ของข้อกำหนดเฉพาะบริการเหล่านี้) ถึง "ข้อตกลง" ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น "ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google" การอ้างอิงถึง "Google" ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น "GTSP" และการอ้างอิงถึง "บริการ" หรือ "บริการหลัก" ทั้งหมดจะเปลี่ยนเป็น "บริการโทรศัพท์ของ Google"
          4. (4) ลูกค้าสามารถบังคับใช้สิทธิและสิทธิประโยชน์ภายใต้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google ได้กับ GTSP เท่านั้น โดยไม่รวมนิติบุคคล Google Workspace และจะมีภาระหน้าที่ภายใต้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google (รวมถึงภาระหน้าที่ในการชำระค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องทั้งหมด) ต่อ GTSP เท่านั้น โดยไม่รวมนิติบุคคล Google Workspace
          5. (5) ในกรณีที่เกิดข้อขัดแย้งระหว่างส่วนที่ 8.1 นี้กับข้อกำหนดอื่นใดของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google (รวมถึงส่วน "ข้อกำหนดที่ขัดแย้ง" ของข้อตกลงและส่วน "ผลของฉบับแก้ไข" ของการแก้ไขการประมวลผลข้อมูล) ข้อกำหนดของส่วนที่ 8.1 นี้จะมีผลเหนือกว่าโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดก็ตามที่ขัดแย้งกับข้อตกลง
          6. (6) คู่สัญญาทั้งสองฝ่ายสามารถบอกเลิกข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google โดยแยกจากข้อตกลงได้ตามที่อธิบายไว้ในส่วน "ระยะเวลาและการบอกเลิก" ของข้อตกลง หากลูกค้าบอกเลิกการใช้ Google Voice ของตนเองตามที่อธิบายไว้ในส่วนที่ 8.10 (การบอกเลิกการใช้งาน Google Voice โดยลูกค้า) การบอกเลิกดังกล่าวจะมีผลให้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google สิ้นสุดโดยอัตโนมัติ
        3. (ค) ข้อกำหนดในภูมิภาค ข้อกำหนดในภูมิภาครวมเข้ากับข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google และมีผลภายในขอบเขตที่ผู้ใช้ปลายทางใช้ Google Voice ในประเทศที่อธิบายไว้ในข้อกำหนดในภูมิภาค

        4. (ง) การมีผลบังคับใช้ สำหรับลูกค้าที่มีที่อยู่สำหรับการเรียกเก็บเงินในแคนาดา (1) ส่วนที่ 8.1(ก) (ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google) และส่วนที่ 8.1(ข) (โครงสร้างข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google) จะไม่มีผลในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Google Voice (2) Google จะเป็นผู้ให้บริการ Google Voice แก่ลูกค้า และ (3) การอ้างอิงถึง "ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google" หรือ "GTSP" ทั้งหมดในข้อกำหนดเฉพาะบริการเหล่านี้หมายถึง Google ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Google Voice

      2. 8.2 การให้บริการโทรศัพท์ของ Google

        1. (ก) การใช้ข้อมูล
          1. (1) การรวบรวมและใช้ข้อมูล GTSP ต้องรวบรวมและใช้ข้อมูลของลูกค้าตามการเปิดเผยความเป็นส่วนตัวของบริการโทรศัพท์ของ Google ซึ่งดูได้ที่ https://workspace.google.com/terms/service-terms/voice/privacy_disclosure.html
          2. (2) ไดเรกทอรีผู้ใช้บริการ GTSP จะไม่มอบหมายเลข Google Voice ของลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางของลูกค้าแก่บริการไดเรกทอรี นอกจากจะได้รับคำขอให้ดำเนินการดังกล่าวจากลูกค้าหรือหากกฎหมายกำหนด
        2. (ข) ผู้ให้บริการโทรศัพท์
          1. (1) ผู้ให้บริการที่เป็นบริษัทในเครือ GTSP อาจใช้บริษัทในเครือเพื่อให้บริการโทรศัพท์ของ Google ตามที่อธิบายไว้ในรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการ
          2. (2) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ที่ไม่ใช่บริษัทในเครือ GTSP และบริษัทในเครือใช้ผู้รับเหมาช่วงซึ่งเป็นบุคคลที่สามที่ไม่ใช่ Google ("ผู้ให้บริการโทรศัพท์") ในการกำหนดเส้นทางการโทรเข้าและออก (หากมี) ผ่านเครือข่ายโทรศัพท์พื้นฐาน (PSTN) ผู้ให้บริการโทรศัพท์ตลอดจนตำแหน่งที่ตั้งของบริษัทระบุอยู่ในรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการ การใช้บริการโทรศัพท์ของ Google จะถือว่าลูกค้าสั่งให้ GTSP ว่าจ้าง และให้บริษัทในเครือว่าจ้าง ผู้ให้บริการโทรศัพท์ดำเนินการดังนี้
            1. (1) กำหนดเส้นทางการโทรเข้าและโทรออก (หากมี) และ
            2. (2) ประมวลผลข้อมูลของลูกค้าในฐานะผู้ควบคุมข้อมูลอิสระในประเทศที่ลูกค้าอยู่
              1. ก) ในขอบเขตต่ำสุดที่จำเป็นสำหรับการกำหนดเส้นทางดังกล่าว และ
              2. ข) โดยเป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง (รวมถึงกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของยุโรปและข้อบังคับโทรคมนาคม)
        3. โปรดทราบว่าผู้ให้บริการโทรศัพท์ไม่ใช่ผู้ประมวลผลข้อมูลย่อย (ตามที่ให้คำนิยามไว้ในเอกสารแนบท้ายการประมวลผลข้อมูล)
      3. 8.3 เงื่อนไขการชำระเงินเพิ่มเติม

        1. (ก) ใบแจ้งหนี้บริการโทรศัพท์ของ Google ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่เกิดจากการที่ลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางใช้บริการโทรศัพท์ของ Google จะเรียกเก็บแยกจากบริการอื่นๆ ของ Google Workspace และขึ้นอยู่กับเงื่อนไขการชำระเงินของข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google
        2. (ข) อัตราค่าโทร นอกจากค่าธรรมเนียมแล้ว ลูกค้าจะชำระเงินให้ GTSP เป็นค่าโทรตามการใช้งาน หากมี ค่าใช้จ่ายจากการใช้งานจะคำนวณตามอัตราค่าโทรปัจจุบัน ณ ขณะนั้น
        3. (ค) ภาษี ลูกค้าต้องชำระภาษีที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะมีใบรับรองการยกเว้นภาษีหรือไม่ก็ตาม โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดก็ตามที่ขัดแย้งกับข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google ภาษีที่เรียกเก็บอาจประกอบด้วยภาษีที่เกี่ยวข้องกับการใช้บริการโทรศัพท์ของ Google ของผู้ใช้ปลายทางนอกประเทศที่ผู้ใช้ปลายทางใช้บริการโทรศัพท์ของ Google อยู่
      4. 8.4 ข้อกำหนดของ Google Voice และข้อจำกัดความรับผิดของ GTSP

        1. (ก) ข้อกำหนดของ Google Voice ส่วนที่ 8.4(ก) นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet การใช้งาน Google Voice อาจต้องใช้บรอดแบนด์หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตมือถือแยกต่างหาก และอุปกรณ์ของผู้ใช้ปลายทางต้องเป็นไปตามข้อกำหนดทางเทคนิคขั้นต่ำบางอย่าง GTSP จะแจ้งคำอธิบายข้อกำหนดอุปกรณ์ขั้นต่ำให้ลูกค้าทราบ การใช้ Google Voice นอกประเทศหรือการใช้บริการโรมมิ่งอื่นๆ อาจทำให้ค่าใช้จ่ายที่ผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือเรียกเก็บจากผู้ใช้ปลายทางสูงขึ้น
        2. (ข) ข้อจำกัดความรับผิดของ GTSP GTSP ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความขัดข้องหรือความล้มเหลวของบริการโทรศัพท์ของ Google อันเนื่องมาจากความล่าช้า การขาดหาย หรือความขัดข้องใน (1) การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของลูกค้า (2) เครือข่ายของผู้ให้บริการโทรศัพท์ หรือ (3) การทำงานของอุปกรณ์ของลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทาง การใช้งานบริการโทรศัพท์ของ Google ในอุปกรณ์เคลื่อนที่อาจใช้โควต้าอินเทอร์เน็ตมือถือหรือโควต้าการโทรของผู้ใช้ปลายทางที่ซื้อจากผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ
      5. 8.5 ความสามารถของ Google Voice ส่วนที่ 8.5 นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet

        1. (ก) การมอบหมายหมายเลขและความพร้อมใช้งาน Google Voice อนุญาตให้มอบหมายหมายเลขโทรศัพท์ โดยมีเงื่อนไขต่อไปนี้
          1. (1) ในการเปิดใช้หมายเลข GTSP อาจต้องรวบรวมข้อมูลตามข้อบังคับโทรคมนาคมที่เกี่ยวข้อง รวมถึงที่อยู่สำหรับรับบริการและหมายเลขประจำตัวผู้เสียภาษีของลูกค้า
          2. (2) ในบางประเทศ ที่อยู่สำหรับรับบริการต้องตรงกับพื้นที่ซึ่งครอบคลุมโดยหมายเลขที่มอบหมาย
          3. (3) การเปิดใช้หมายเลขอาจยังไม่มีผลทันทีที่ส่งคำขอ และ
          4. (4) หมายเลขที่ไม่มีการใช้งานอาจถูกนำออกจากบัญชีของลูกค้า
        2. (ข) การโอนหมายเลข ลูกค้าอาจย้ายหมายเลขเดิมจากผู้ให้บริการรายอื่นมาใช้ Google Voice ได้ โดยต้องอยู่ในขอบเขตที่ Google Voice ให้บริการมอบหมายหมายเลข และอาจขอให้ปล่อยหมายเลขที่กำหนดดังกล่าวให้แก่ผู้ให้บริการอีกรายได้ โดยอยู่ภายใต้ข้อ 8.5(ข)(1)-(4) ด้านล่าง
          1. (1) การโอนเข้า หากต้องการโอนหมายเลขจากผู้ให้บริการรายอื่น ลูกค้าต้องทำตามขั้นตอนที่ระบุไว้ที่ support.google.com/a/go/voice-porting เนื่องจากเว็บไซต์นั้นอาจมีการปรับปรุงเป็นครั้งคราว ลูกค้าจะย้ายหมายเลขเข้ามาได้เฉพาะในบัญชีที่ใช้งานอยู่เท่านั้น การย้ายหมายเลขเข้าอาจทำไม่ได้ในบางพื้นที่ที่ Google Voice ให้บริการ
          2. (2) การโอนออก หากต้องการโอนหมายเลขที่มอบหมายไปที่ผู้ให้บริการอีกราย ลูกค้าต้องทำตามขั้นตอนการย้ายของผู้ให้บริการรายนั้น GTSP จะดำเนินการตามคำขอย้ายเมื่อได้รับแจ้งจากผู้ให้บริการรายใหม่ของลูกค้าว่าลูกค้าได้ส่งคำขอย้าย GTSP ไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อความล่าช้าหรือความขัดข้องของบริการที่เกิดจากกระบวนการย้ายหมายเลขออก คำขอที่ไม่ถูกต้องหรือมีข้อผิดพลาดซึ่งเกิดจากลูกค้าหรือผู้ให้บริการรายใหม่ของลูกค้า หรือคำขอย้ายที่หลอกลวงจากบุคคลที่สาม
          3. (3) ภาระหน้าที่ของลูกค้า ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบ (ก) ความถูกต้องของข้อมูลที่ส่งให้ GTSP เกี่ยวกับคำขอย้าย (ข) ค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการย้ายหมายเลข รวมถึงค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับหมายเลขและแพ็กเกจที่เหลือ (ค) ค่าธรรมเนียมที่คงค้างกับ GTSP ซึ่งเกี่ยวข้องกับหมายเลขจนถึงเวลาที่ย้ายหมายเลขสำเร็จ ตามขอบเขตที่กฎหมายที่เกี่ยวข้องอนุญาต
          4. (4) การบอกเลิกบริการ GTSP อาจปล่อยหมายเลข Google Voice หลังสิ้นสุดใบอนุญาตผู้ใช้ปลายทางที่เกี่ยวข้องหรือเมื่อใบอนุญาตดังกล่าวหมดอายุ หากลูกค้าไม่ได้ย้ายหมายเลขไปที่ผู้ให้บริการรายอื่นก่อนทีบริการจะสิ้นสุดหรือหมดอายุ
        3. (ค) หมายเลขผู้โทร Google Voice อนุญาตให้แสดงหมายเลข Google Voice ของลูกค้าในอุปกรณ์ที่รับสายหากทำได้ในทางเทคนิค ผู้ใช้ปลายทางอาจหยุดการแสดงหมายเลขอย่างถาวรหรือพิจารณาตามการโทรแต่ละครั้งได้ ด้วยเหตุผลทางเทคนิค GTSP อาจหยุดแสดงหมายเลข Google Voice ไม่ได้ในบางกรณี รวมถึงการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน
        4. (ง) การบล็อกหมายเลข หากลูกค้าส่งคำขอ GTSP จะบล็อกหรือเลิกบล็อกการใช้ Google Voice เพื่อโทรหาหมายเลข ช่วงหมายเลข หรือประเภทของหมายเลขเฉพาะเจาะจง (รวมถึงบริการที่เพิ่มมูลค่า) ในขอบเขตที่สามารถทำได้ในทางเทคนิค
        5. (จ) การบันทึกการโทร Google Voice อาจอนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางบันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์แต่ละครั้งได้ ลูกค้าตกลงที่จะไม่บันทึกการสนทนาทางโทรศัพท์โดยไม่ได้รับความยินยอม หากกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องกำหนดว่าต้องได้รับความยินยอม และจะไม่อนุญาตให้ผู้ใช้ปลายทางดำเนินการเช่นเดียวกันด้วย
      6. 8.6 ข้อจำกัดของบริการโทรศัพท์ของ Google บริการโทรศัพท์ของ Google ไม่สามารถทำสิ่งต่อไปนี้ได้

        1. (ก) มีระบบช่วยโทรโดยเจ้าหน้าที่และการโทรหาหมายเลขพิเศษ (อาจมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการโทรเหล่านี้)
        2. (ข) รองรับการโทรแบบ "เรียกเก็บเงินปลายทาง" หรือ
        3. (ค) รองรับการโทรหรือการเชื่อมต่อไปยังบางหมายเลข ซึ่งรวมถึงหมายเลขโทรศัพท์อัตราพิเศษ เป็นต้น
      7. 8.7 ข้อจำกัดในการใช้ Google Voice ส่วนที่ 8.7 นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet ลูกค้าจะไม่มอบหมายหมายเลขต่อ ให้สิทธิเข้าถึง หรืออนุญาตให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่าเกณฑ์ตามกฎหมายเข้าใช้งาน Google Voice โดยเกณฑ์นี้เป็นไปตามที่ระบุในกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้อง GTSP อาจระงับหรือปิดบัญชีที่บุคคลดังกล่าวใช้หรือได้รับบริการเป็นการถาวร

      8. 8.8 บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ส่วนย่อยที่ 8.8(ก) มีผลเฉพาะกับโทรศัพท์ของ Google Meet เท่านั้น โดยไม่รวม Google Voice ส่วนย่อยอื่นๆ ทั้งหมด ((ข) - (ฉ)) ของส่วนที่ 8.8 มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet

        1. (ก) การโทรทางเดียว ฟีเจอร์การโทรทางเดียวของโทรศัพท์ Google Meet ใช้โทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่ได้ ผู้ใช้ปลายทางจะโทรหาหรือรับสายจากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินไม่ได้ ลูกค้ามีหน้าที่จัดหาวิธีอื่นที่จะทำให้ผู้ใช้ปลายทางโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินได้
        2. (ข) การโทร 2 ทาง Google Voice รองรับการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน บริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินด้วยโทรศัพท์แบบ IP มีข้อจำกัดบางอย่างเมื่อเทียบกับการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินแบบปกติ และจะทำงานต่างจากการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินแบบปกติ เงื่อนไขต่อไปนี้อธิบายความแตกต่างและข้อจำกัด โดยข้อจำกัดเพิ่มเติมเฉพาะประเทศจะมีการอธิบายอยู่ในข้อกำหนดในภูมิภาค ลูกค้ารับทราบและยอมรับความแตกต่างระหว่างบริการโทรศัพท์ปกติกับการโทรแบบใช้ IP ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินตามที่อธิบายในที่นี้
          1. (1) คำอธิบายบริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน ผู้ใช้ปลายทางที่ใช้ฟีเจอร์การโทรสองทางของ Google Voice จะโทรออกและรับสายจากบริการช่วยเหลือฉุกเฉินได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย บริการช่วยเหลือฉุกเฉินจะแตกต่างกันไปตามตำแหน่งที่ตั้งของผู้ใช้ปลายทาง เมื่อผู้ใช้ปลายทางโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน GTSP จะแจ้งหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ปลายทางและที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งไว้กับ Google (ดูข้อ 8.8(ง) (ภาระหน้าที่ของลูกค้า) ด้านล่าง) ให้แก่เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน ผู้ใช้ปลายทางอาจต้องยืนยันตำแหน่งที่อยู่จริงและหมายเลขโทรกลับ เพราะเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินอาจไม่มีข้อมูลส่วนนี้
          2. (2) ข้อจำกัดเกี่ยวกับบริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน บริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉินของ Google Voice มีข้อจำกัดด้านความพร้อมใช้งานดังต่อไปนี้ (ก) บริการอาจไม่พร้อมใช้งานเมื่อไฟฟ้าดับหรือสัญญาณอินเทอร์เน็ตขาดหายหรือมีความขัดข้อง (ข) การโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินอาจใช้เวลาติดต่อจุดรับแจ้งเหตุความช่วยเหลือฉุกเฉินนานกว่าการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินแบบปกติ และสายอาจไม่ว่างหรือติดต่อไม่ได้ (ค) การโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินอาจติดต่อไปที่ PSAP อย่างถูกต้อง แต่ระบบอาจไม่ได้ส่งตำแหน่งหรือหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ใช้ปลายทางโดยอัตโนมัติ และเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินอาจติดต่อกลับไม่ได้ (ง) การโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินระหว่างที่ใช้บริการโรมมิ่งอาจกำหนดเส้นทางไปที่ PSAP ท้องถิ่นที่เชื่อมโยงกับที่อยู่ที่ลงทะเบียนของผู้ใช้ปลายทาง (ลูกค้าจะแนะนำให้ผู้ใช้ปลายทางใช้ฟังก์ชันการโทรในเครื่องขณะใช้บริการโรมมิ่ง) (จ) ผู้ใช้ปลายทางที่หูหนวก มีปัญหาในการได้ยิน หรือมีความบกพร่องในการพูดควรโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉินในท้องถิ่นโดยตรงด้วย TTY หรือบริการส่งต่อทางโทรคมนาคม แทนที่จะใช้หมายเลข 711 หรือหมายเลขที่เทียบเท่าในท้องถิ่น (ฉ) หากผู้ใช้ปลายทางมีอุปกรณ์หลายเครื่องที่เชื่อมโยงกับหมายเลขบัญชีของตน (1) การโทรกลับจาก PSAP อาจไม่ได้ส่งเสียงเรียกเข้าในโทรศัพท์ที่เชื่อมโยงทุกเครื่อง และ (2) เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินอาจเห็นหมายเลขโทรศัพท์ที่ต่างกับหมายเลขส่วนตัวของผู้ใช้ปลายทาง (ช) หากผู้ใช้ปลายทางปิดการโทรเข้า PSAP อาจโทรกลับไม่ได้ (ซ) หากการโทรด้วย Google Voice ล้มเหลว ระบบอาจนำผู้ใช้ปลายทางไปที่การโทรหมายเลขฉุกเฉินอย่างสมบูรณ์ซึ่งใช้ฟังก์ชันการโทรในเครื่อง และ (ฌ) การโทรหาหมายเลขฉุกเฉินจะใช้ไม่ได้กับบริการการโทรนี้ หาก (1) ใช้บริการ Google Voice แบบโทรเข้าเท่านั้น และ (2) การโทรที่นำทางผ่านเครือข่ายเสียงของผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือของผู้ใช้ เมื่อใช้แป้นโทรศัพท์อุปกรณ์ของผู้ใช้ปลายทาง ในแคนาดาและสถานที่อื่นๆ บางแห่ง เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉินของ Google จะต้องแจ้งหมายเลขโทรศัพท์และตำแหน่งที่ผู้แจ้งเหตุฉุกเฉินระบุแก่ PSAP ที่เกี่ยวข้องด้วยวาจา แต่หากผู้โทรแจ้งข้อมูลตำแหน่งแก่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ ระบบจะโอนสายผู้โทรไปยัง PSAP ซึ่งให้บริการในพื้นที่ตามที่อยู่ที่ผู้โทรลงทะเบียนไว้
        3. (ค) การส่ง SMS ถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน Google Voice อาจไม่รองรับการส่งข้อความถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ฟีเจอร์ส่งข้อความถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉินใดๆ ที่ใช้งานได้ผ่าน Google Voice อาจไม่มีการรองรับในเครือข่าย Wi-Fi
        4. (ง) ภาระหน้าที่ของลูกค้า สืบเนื่องจากส่วนที่ 8.8(ข) (การโทร 2 ทาง) ลูกค้ามีหน้าที่รับผิดชอบดังต่อไปนี้ (1) ตรวจสอบว่าที่อยู่ที่ลงทะเบียนไว้ใน Google Voice ของผู้ใช้ปลายทางแต่ละรายเป็นที่อยู่จริงในปัจจุบันที่ผู้ใช้ปลายทางจะใช้ Google Voice (การไม่แจ้งที่อยู่ปัจจุบันอาจทำให้มีการติดต่อศูนย์บริการช่วยเหลือฉุกเฉินผิดแห่ง และความช่วยเหลือฉุกเฉินที่ส่งถึงผู้ใช้ปลายทางอาจล่าช้า) (2) แจ้งให้ผู้ใช้ปลายทางทราบว่าจะมีการแชร์ที่อยู่จริงของผู้ใช้กับผู้ให้บริการโทรศัพท์ (3) แจ้งให้ผู้ใช้ปลายทางทราบว่าผู้ใช้ดังกล่าวอาจต้องแจ้งที่อยู่จริงและหมายเลขโทรกลับต่อ PSAP เมื่อติดต่อได้แล้ว (4) ตรวจสอบว่าผู้ใช้ปลายทางมีวิธีอื่นในการโทรหาบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน และ (5) แจ้งให้ผู้ใช้ปลายทางทราบถึงข้อจำกัดของบริการโทรหาหมายเลขฉุกเฉิน (ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดและพิมพ์ป้ายคำเตือนเพื่อแปะไว้ที่อุปกรณ์ทุกเครื่องที่สามารถใช้ในการเข้าถึง Google Voice ได้ที่ support.google.com/voice/go/emergency-services)
        5. (จ) การแจ้งเตือนฉุกเฉิน อุปกรณ์อาจไม่ได้รับการแจ้งเตือนฉุกเฉินผ่าน Google Voice หากตั้งไว้ในโหมด Wi-Fi เท่านั้น หรือบริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือไม่พร้อมใช้งาน
        6. (ฉ) ข้อจำกัดความรับผิดเกี่ยวกับบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ในขอบเขตสูงสุดที่กฎหมายกำหนด ทั้ง GTSP และบริษัทในเครือจะไม่มีความรับผิดภายใต้ข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google (ไม่ว่าจะในสัญญา การละเมิด (รวมถึงความประมาท) หรืออื่นใด) ต่อความเสียหายประเภทใดๆ (รวมถึงความเสียหายโดยตรงและโดยอ้อม) ที่เกิดขึ้นจากหรือเกี่ยวข้องกับการใช้หรือพยายามใช้ Google Voice เพื่อเข้าถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงกรณีที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการดังกล่าวได้ ความล่าช้าในการตอบสนองของบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน การดำเนินการของศูนย์หรือเจ้าหน้าที่รับแจ้งของบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน หรือความไม่ถูกต้องของข้อมูลที่ให้แก่บริการช่วยเหลือฉุกเฉินโดยผู้ให้บริการโทรศัพท์หรือบุคคลที่สามรายอื่นซึ่ง GTSP หรือบริษัทในเครือว่าจ้างให้อำนวยความสะดวกในการให้บริการเข้าถึงบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
      9. 8.9 การระงับ นอกเหนือจากสิทธิในการระงับที่อธิบายไว้ในข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google แล้ว GTSP สามารถบล็อกสายโทรเข้าและออกหรือข้อความขาเข้าและออกผ่านบริการโทรศัพท์ของ Google ได้หาก GTSP พิจารณาอย่างสมเหตุสมผลแล้วว่าลูกค้าหรือผู้ใช้ปลายทางใดๆ ได้ใช้บริการโทรศัพท์ของ Google เพื่อมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ไม่อนุญาตดังต่อไปนี้

        1. (ก) การสร้างหรืออำนวยความสะดวกในการสร้างข้อความโฆษณาที่ไม่พึงประสงค์ หรือ
        2. (ข) การเพิ่มปริมาณการโทรให้สูงเกินจริง (เช่น การเพิ่มปริมาณการรับส่งข้อมูล การประพฤติมิชอบด้านส่วนแบ่งรายได้จากการโทรต่างประเทศ)
      10. 8.10 การบอกเลิกการใช้งาน Google Voice โดยลูกค้า ส่วนที่ 8.10 นี้มีผลเฉพาะกับ Google Voice เท่านั้น โดยไม่รวมโทรศัพท์ของ Google Meet นอกเหนือจากสิทธิในการบอกเลิกอื่นใดแล้ว ลูกค้าสามารถบอกเลิกการใช้งาน Google Voice ได้ตลอดเวลาโดยการแจ้งให้ GTSP ทราบเป็นลายลักษณ์อักษร ลูกค้าต้องหยุดใช้งาน Google Voice ทันทีที่บอกเลิก

      11. 8.11 คำนิยามเพิ่มเติม

        "อัตราค่าโทร" คืออัตราการโทรปัจจุบันในขณะนั้นซึ่งระบุไว้ที่ https://voice.google.com/rates

        "ผู้ใช้ปลายทาง" (1) เพื่อจุดประสงค์ของ Google Voice ผู้ใช้ปลายทางรวมถึงผู้ที่มีโอกาสเป็นผู้ใช้ซึ่งอาจอยู่ ณ สถานที่ตั้งจริงที่มีอุปกรณ์เชื่อมต่อกับ Google Voice และพร้อมใช้งานอยู่ และ (2) เพื่อจุดประสงค์ของ Google Meet ผู้ใช้ปลายทางรวมถึงผู้ที่อาจใช้บริการโทรศัพท์ของ Google Meet เพื่อโทรเข้าหรือโทรออกจากการประชุม Google Meet

        "ค่าธรรมเนียม" ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Google Voice ประกอบด้วยค่าธรรมเนียมซึ่งระบุไว้ที่ https://workspace.google.com/products/voice

        "นิติบุคคล Google Workspace" คือนิติบุคคล Google ที่ลูกค้าทำสัญญาด้วยสำหรับบริการอื่นๆ ของ Google Workspace ตามที่ให้คำนิยามไว้ในข้อตกลง

        "จุดรับแจ้งเหตุความช่วยเหลือฉุกเฉิน" หรือ "PSAP" หมายถึงจุดรับแจ้งเหตุความช่วยเหลือฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องซึ่งอยู่ ณ สถานที่ตั้งที่ลงทะเบียนของผู้ใช้ปลายทาง

        "ข้อกำหนดในภูมิภาค" หมายถึงข้อกำหนดซึ่งอธิบายไว้ที่ https://workspace.google.com/terms/service-terms/voice/regional_terms.html

        "ผู้ให้บริการโทรศัพท์" มีความหมายตามที่ระบุไว้ในส่วนที่ 8.2(ข) (ผู้ให้บริการโทรศัพท์) ของข้อกำหนดเฉพาะบริการเหล่านี้

        "รายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการ" หมายถึงรายชื่อผู้ให้บริการโทรศัพท์และบริการปัจจุบันในขณะนั้นซึ่งแสดงอยู่ที่ (1) https://workspace.google.com/terms/service-terms/voice/providers.html สำหรับ Google Voice และ (2) https://workspace.google.com/terms/service-terms/meet-telephony/providers.html สำหรับโทรศัพท์ Google Meet

*หากเอกสารออฟไลน์กล่าวถึง "ผู้ให้บริการ Google Voice" หรือ "GVSP" จะถือว่าเป็นการกล่าวถึง "ผู้ให้บริการโทรศัพท์ของ Google" หรือ "GTSP" ตามที่ใช้ในข้อกำหนดเฉพาะบริการเหล่านี้และข้อตกลงด้านโทรศัพท์ของ Google

  1. 9. Google ไดรฟ์ ข้อกำหนดต่อไปนี้มีผลเฉพาะกับไดรฟ์เท่านั้น

    1. 9.1 การใช้ Google ไดรฟ์เพื่อเผยแพร่เนื้อหา Google ไดรฟ์ไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ใช้เป็นเครือข่ายเผยแพร่เนื้อหาและ Google สามารถจำกัดการใช้และเข้าถึง Google ไดรฟ์ได้ หาก Google พิจารณาตามที่เห็นสมควรอย่างสมเหตุสมผลแล้ว และตัดสินว่ามีการใช้ Google ไดรฟ์โดยละเมิด AUP หรือเพื่อเผยแพร่เนื้อหา รวมถึงวิดีโอต่างๆ ที่ละเมิด ไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือมีจำนวนมาก วิดีโอใดๆ ที่โฮสต์โดย Google ไดรฟ์ ซึ่งแชร์ต่อสาธารณะภายนอกโดเมนของลูกค้าต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ของชุมชน YouTube (อ่านได้ที่ https://www.youtube.com/howyoutubeworks/policies/community-guidelines/ หรือ URL ที่อาจมีการปรับปรุงหลังจากนี้)

เวอร์ชันก่อนหน้า

6 ตุลาคม 2020